รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันการประดิษฐ์ของใช้จากเศษวัสดุเหลือใช้
ประเภทนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ป.1-ป.6
งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ครั้งที่ 71 ปีการศึกษา 2566
โรงเรียนวัดสมหวัง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1
แนวความคิด
เนื่องจากในชุมชนวัดสมหวัง และโรงเรียนวัดสมหวัง ตำบลวัดประดู่มีอู่ซ่อมรถ ที่มียางรถยนต์ไม่ได้ใช้แล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยางที่หมดสภาพไม่สามารถนำไปใช้กับรถยนต์ได้อีก จึงมีแนวคิดริเริ่มที่จะนำยางรถยนต์เหล่านั้นกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง โดยคุณสมบัติของยางรถยนต์นั้นแม้จะหมดสภาพการใช้งานบนท้องถนนไปแล้ว แต่ยังมีความทนทาน และย่อยสลายได้ยาก อีกทั้งการกำจัดยางรถยนต์ยังมีต้นทุนที่สูง การนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังสามารถทำได้ง่ายโดยใช้ต้นทุนที่ต่ำ ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงมีความคิดเห็นว่าควรนำยางรถยนต์ที่หมดสภาพมาดัดแปลงให้เป็นที่นั่งเพื่อช่วยลดปัญหาขยะและเป็นการนำเอาของเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์ และเป็นการลดปริมาณขยะในชุมชนวัดสมหวัง และโรงเรียนวัดสมหวัง เป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนให้ดูสวยงามและสะอาดมากยิ่งขึ้น
ความเป็นมา
ยางรถยนต์ (อังกฤษ: tire) คือชิ้นส่วนที่ประกอบเป็นล้อของรถยนต์หรือล้อของรถประเภทต่าง ๆ ยางรถยนต์มีสีดำ รูปร่างกลมมีรูตรงกลาง เป็นวงแหวน ภายในกลวงบรรจุอากาศที่มีความดันสูง หรือ ก๊าซไนโตรเจนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย หรือ ยางในรถยนต์สำหรับรับน้ำหนักบรรทุกมาก ยางรถยนต์มีหน้าที่ต้องรับน้ำหนักรถและสัมภาระต่าง ๆ โดยเป็นเพียงส่วนเดียวของรถยนต์ที่สัมผัสพื้นถนน
ประวัติความเป็นมา ชาลส์ กู๊ดเยียร์ นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน เป็นผู้ค้นพบโดยบังเอิญในปี พ.ศ. 2382 โดยคันพบว่าเนื้อยางเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ เขาจึงได้นำยางดิบ (ยางธรรมชาติ ผสมกับกำมะถันและตะกั่วแล้วลนด้วยไฟ โดยกำมะถันจะสร้างพันธะโคเวเลนต์เชื่อมระหว่างโมเลกุลยาง ได้เป็นยางที่มีความยืดหยุ่น คงตัวที่อุณหภูมิต่าง ๆ คงทนต่อความร้อนและแสงแดด และถูกละลายด้วยตัวทำละลายได้ยากขึ้น ซึ่งปฏิกิริยานี้เรียกว่ากระบวนการวัลคาไนเซชัน (vulcanization) ได้เป็นยางรถยนต์ที่เราใช้กันอยู่มาถึงทุกวันนี้
ส่วนประกอบของยางรถยนต์ ยางรถยนต์ คือ อุปกรณ์หลักส่วนควบของรถยนต์ ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักรถยนต์และใช้ในการขับเคลื่อนให้รถยนต์ไปได้อย่างนิ่มนวลและปลอดภัย ถ้าไม่มีล้อและยาง รถยนต์ก็ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติโครงสร้างพื้นฐานของยางรถยนต์สามารถจำแนกส่วนประกอบออกได้เป็น 6 ส่วน ดังนี้
หน้ายาง (Tread) คือส่วนประกอบที่อยู่นอกสุดของยาง และเป็นส่วนเดียวที่สัมผัสผิวถนน ทำหน้าที่ป้องกันของมีคม ที่จะทำอันตรายต่อโครงยาง ที่หน้ายางจะประกอบไปด้วยดอกยางและร่องยาง เพื่อทำหน้าที่ในการยืดเกาะถนนมีแรงกรุยเวลาวิ่ง เบรคหยุดได้มั่นใจ ในปัจจุบัน ดอกยางมีอยู่หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ผู้ใช้จึงควรเลือกชนิดของดอกยาง ให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน
ไหล่ยาง (Shoulder) เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างหน้ายางกับแก้มยาง มีความหนาพอ ๆ กับหน้ายาง ปกติไหล่ยาง จะถูออกแบบเป็นร่องให้เหมาะสม เพื่อช่วยระบายความร้อนภายในยางให้ออกมาได้ง่าย
แก้มยาง (Sidewall) เป็นส่วนด้านข้างสุดของยาง ที่ไม่ได้สัมผัสพื้นผิวถนนขณะที่รถวิ่งอยู่และเป็นส่วนที่ยืดหยุ่นมากที่สุดของยางในขณะใช้งาน
โครงยาง (Carcass) เป็นส่วนประกอบหลักของยาง ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่คงรูปร่าง และจะรักษาความดันลมภายในยาง เพื่อให้ยางสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ รวมทั้งต้องทนทานต่อแรงกระแทก หรือสั่นสะเทือนจากถนนที่มีต่อยางได้ดี
ผ้าใบเสริมหน้ายาง หรือเข็มขัดรัดหน้ายาง (Breaker or Belt) เป็นชั้นที่อยู่ระหว่างหน้ายาง (Tread) กับโครงยาง (Carcass) ในกรณียางธรรมดา (Bias Tire) เราเรียกว่า "ผ้าใบเสริมหน้ายาง (Breaker)" และในกรณียางเรเดียล (RadialTire) จะเรียกว่า "เข็มขัดรัดหน้ายาง (Belt)" ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรง ให้กับหน้ายาง ให้ยางสามารถรับแรงกระแทกได้ดี และป้องกันไม่ให้โครงยางชำรุดเสียหายจากสิ่งอันตรายต่าง ๆ จากพื้นถนน
ขอบยาง (Bead) ประกอบด้วยกลุ่มของเส้นลวดเหล็กกล้า (High Carbon Stee!) ที่ช่วยยืดส่วนปลายทั้ง 2 ข้างของโครงยางเอาไว้ เพื่อให้บริเวณขอบยาง (Bead) มีความแข็งแรง สามารถยึดแน่นสนิทกับกระทะล้อได้ดีเมื่อนำไปใช้งานสำหรับยางรถยนต์ที่ไม่ใช้ยางใน (Tubeless Tire) ขอบยางเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะต้องทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ลมยางรั่วซึมออกมา
นอกจากนี้ ยังมียางรถยนต์ยังมีส่วนประกอบย่อยอื่น ๆ เช่น ผ้าใบหุ้มขดลวดและยางแข็ง ๆ ที่มีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยม (Bead Filer ทำหน้าที่เชื่อมต่อ ระหว่างส่วนที่แข็ง คือบริเวณขอบยาง ไปสู่ส่วนที่อ่อนและยืดหยุ่น คือบริเวณแก้มยาง และยังมีผ้าใบหุ้มขอบลวดที่อยู่ด้านนอกสุดของขอบยาง เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายกับโครงยาง จากการถอดประกอบเข้ากับกระทะล้อในแต่ละครั้ง
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
รายการวัสดุอุปกรณ์ จำนวน
1.ยางรถยนต์ 2 ล้อ
2.ตลับเมตร 1 อัน
3.ปากกาเคมี 1 ด้าม
4.สายเชือกถักที่ไม่ใช้แล้ว หรือเชือกไนล่อน 10 เมตร
5.สีกระป๋องแบบพ่น 2 กระป๋อง
6.น๊อตตัวผู้และตัวเมีย เบอร์ 14 4 ตัว
7.สว่านไฟฟ้า 1 เครื่อง
8.วงเวียนไม้ 1 อัน
ขั้นตอนการทำ
1.ประชุมวางแผนขั้นตอนการดำเนินงาน
2.จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการดำเนินงาน
3.ประดิษฐ์ที่นั่งจากยางรถยนต์ดังนี้
3.1.ใช้วงเวียนไม้ก้างแบ่งระยะจุดเจาะ วัดระยะที่จะเจาะรูบนแก้มยาง 4 จุด
3.2.ใช้ปากกาเคมีกำหนดจุดที่จะเจาะรู
3.3 เจาะรูตามที่กำหนดด้วยสว่านไฟฟ้า
3.4 ร้อยน๊อตตัวผู้และตัวเมีย 4 ตัว เพื่อยึดล้อยางให้ติดกัน 2 ล้อ
3.5 กำหนดจุดเจาะ เพื่อร้อยเชือกที่นั่งจำนวน 16 รู โดยอาศัยวงเวียนไม้ช่วยแบ่งระยะจุดเจาะ
3.6 เจาะรูล้อยางรถยนต์ด้วยสว่านไฟฟ้าจำนวน 16 จุดตามที่ได้กำหนดไว้
3.7 ร้อยเชือกตามรูที่ได้ทำการเจะไว้ให้เรียบตึงเพื่อความสวยงาม
3.8 ทำสีเก้าอี้โดยการฉีดพ้นด้วยสีสเปย์ โดยใช้สีตามที่ต้องการ
3.9 ชิ้นงานที่เสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งาน
ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความถนัดและความสนใจของตนเอง
2. ได้รับการฝึกทักษะและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
3. ได้รู้จักการนำเศษวัสดุเหลือใช้มาดัดแปลงประดิษฐ์ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ราคาทุนและราคาจำหน่าย
รายการที่ รายการวัสดุ/อุปกรณ์ ประเภทวัสดุ จำนวน เป็นเงิน (บาท) หมายเหตุ
1 ยางรถยนต์เก่า วัสดุเหลือใช้ 2 เส้น -
2 เชือก วัสดุเหลือใช้ 10 เมตร -
3 สว่านไฟฟ้า อุปกรณ์ - -
4 วงเวียนไม้ อุปกรณ์ - -
5 ไขควงเบอร์ 14 อุปกรณ์ - -
6 ตลับเมตร อุปกรณ์ - -
7 น๊อตตัวผู้ตัวเมียเบอร์ 14 วัสดุสิ้นเปลือง 4 ตัว 16 บาท
8 ปากกาเคมี วัสดุสิ้นเปลือง 1 ด้าม 20 บาท
9 สีสเปย์ วัสดุสิ้นเปลือง 2 กระป๋อง 110 บาท
รวมราคาต้นทุน 146
ราคาจำหน่าย 350
กำไร 204