ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องมาตราตัวสะกดโดยใช้แบบฝึกทักษะ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะ เรื่องมาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องมาตราตัวสะกด ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการสอนวิชาภาษาไทยเรื่อง มาตราตัวสะกด โดยใช้แบบฝึกทักษะ กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าลาด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 29 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ 1)แผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง มาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 8 แผน 8 ชั่วโมง แบบแผนการทดลองใช้แบบกลุ่มเดียว 2)แบบฝึกทักษะ เรื่อง มาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีจำนวน 8 เล่ม 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง มาตราตัวสะกด 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง มาตราตัวสะกด ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก 30 ข้อ จำนวน 1 ฉบับ ทดสอบก่อนเรียนละหลังเรียน (One Group Pre-test Post-test Design) สถิติที่ใช้คือ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า

1.ผลการทดลองใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 81.00/82.11 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์การประสิทธิ์ภาพที่กำหนดไว้ 80/80

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องมาตราตัวสะกด พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน มีผลสัมฤทธิ์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยค่าเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที 4 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องมาตราตัวสะกด โดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.50

คำสำคัญ : การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน , มาตราตัวสะกด , แบบฝึกทักษะ

บทนำ

ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำให้สามารถประกอบกิจธุระ การงาน และดำรงชีวิตร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างสันติสุข และเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาความรู้ พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นสื่อแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็นสมบัติล้ำค่าควรแก่การเรียนรู้ อนุรักษ์ และสืบสานให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป กระทรวงศึกษาธิการ (2551 :37)

การสอนภาษาไทยให้บรรลุวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องฝึกทักษะต่าง ๆ ซึ่งการเรียนการสอนภาษาไทยเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ ในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร การอ่านและการฟังเป็นทักษะของการรับรู้เรื่องราว ความรู้ประสบการณ์ ส่วนการพูดและการเขียนเป็นทักษะของการแสดงออกด้วยการแสดงความคิดเห็น ความรู้และประสบการณ์ การเรียนภาษาไทยจึงต้องเรียนเพื่อการสื่อสาร ให้สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างพินิจพิเคราะห์ สามารถนำความรู้ ความคิดมาเลือกใช้เรียบเรียงคำมาใช้ตามหลักภาษาได้ถูกต้องตรงตามความหมาย กาลเทศะและใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์ (2549 : 80) ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้และพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้ได้ผลและเกิดประโยชน์แก่ผู้เรียนมากขึ้นผู้วิจัยจึงได้ศึกษาหาทางปรับปรุงแก้ไขการจัดการเรียนรู้ และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องมาตราตัวสะกด โดยใช้แบบฝึกทักษะ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เพื่อช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ตรงตามมาตรฐานการเรียนรู้

จากปัญหาและเหตุผลความสำคัญดังกล่าว ผู้วิจัยจึงได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและพบว่านวัตกรรมที่สามารถช่วยให้นักเรียนเขียนคำที่มีตัวสะกดได้ถูกต้องขึ้น คือ แบบฝึกทักษะ ดังที่ มนทิรา ภักดีณรงค์ (2540: 99-100) กล่าวว่า นักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะชนิดต่างๆ มีความคงทน ในการเรียนรู้ได้ดีเพราะนักเรียนได้ฝึกกระทำบ่อยๆ นักเรียนได้ลงมือกระทำเอง นักเรียนจึงเกิดความสนุกสนานในการทำแบบฝึกทักษะ สุนันทา สายแวว(2552: 31) กล่าวว่า การสร้างแบบฝึกนั้นจะต้องกำหนด จุดประสงค์ในการสร้างแต่ละแบบฝึกให้ชัดเจน และสร้างให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่กำหนดไว้แบบฝึกแต่ละชุดควรมีคำชี้แจงง่ายๆ สั้นๆ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจ หากคำชี้แจงนั้นนักเรียนไม่คุ้นเคยอาจมีตัวอย่างแสดงวิธีทำจะช่วยให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น แบบฝึกควรมีหลายๆ แบบเพื่อให้ผู้เรียน มีประสบการณ์ที่หลากหลาย และการทำแบบฝึกแต่ละครั้งต้องเหมาะสมกับเวลาและความสนใจของเด็ก

จากความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยจึงเห็นความสำคัญและมีความสนใจที่จะพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องมาตราตัวสะกดโดยใช้แบบฝึกทักษะ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่4ให้สูงขึ้นและเป็นแนวทางการพัฒนาการเรียนการสอนในสาระการเรียนรู้ภาษาไทยให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของนักเรียนต่อไป

วัตถุประสงค์การวิจัย

1. เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะ เรื่องมาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องมาตราตัวสะกด ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการสอนวิชาภาษาไทยเรื่อง มาตราตัวสะกด โดยใช้แบบฝึกทักษะ

ขอบเขตของการวิจัย

1. ประชากรและตัวอย่าง

ประชากร

นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าลาด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 29 คน

กลุ่มตัวอย่าง

นักเรียนโรงเรียนบ้านท่าลาด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 29 คน

2. ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา

2.1 ตัวแปรต้น( independent variables ) ได้แก่

- การสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะ

2.2 ตัวแปรตาม ( dependent variables ) ได้แก่

1) ผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกดคำ เรื่องมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาไทยเรื่อง มาตราตัวสะกด โดยแบบฝึกทักษะ

2) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการสอนวิชาภาษาไทยเรื่อง มาตราตัวสะกด โดยใช้แบบฝึกทักษะ

3. ขอบเขตของเนื้อหา

เนื้อหาที่ใช้ทดลองในงานวิจัย 2 หน่วยการเรียนรู้คือ

1) มาตราตัวสะกดตรงมาตราได้แก่

มาตรา แม่กง แม่เกย แม่เกอว และแม่กม

2) มาตราตัวสะกดไม่ตรงมาตราได้แก่

มาตรา แม่กก แม่กด แม่กน และแม่กบ

4. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง

ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 โดยใช้เวลาทดลอง จำนวน 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 วัน

วันละ 1ชั่วโมง รวม 8 ชั่วโมง

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. ได้แบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย เรื่องมาตราตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80

2. ได้ทราบผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องมาตราตัวสะกด ก่อนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะ

3. ได้ทราบผลการศึกษาความพึงพอใจที่ดีต่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง มาตราตัวสะกด ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะ

วิธีดำเนินกำรวิจัย

1. ดำเนินการทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สร้างขึ้น จำนวน 30 ข้อ และตรวจให้คะแนนแล้วเก็บข้อมูลไว้เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเปรียบเทียบคะแนนหลังเรียน

2. ขั้นดำเนินการทดลอง (Treatment) จัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง มาตราตัวสะกด กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 8 ชั่วโมง แล้วทำการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการทดลอง ไว้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ

3. ดำเนินการทดสอบหลังเรียน (Post-test) เมื่อเสร็จสิ้นการทดลองกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สร้างขึ้น จำนวน 30 ข้อ ซึ่งเป็นชุดเดียวกับการทดสอบก่อนเรียน แล้วทำการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการทำแบบทดสอบไว้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ

4. ดำเนินการสอบถามความพึงพอใจนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะ เรื่อง มาตราตัวสะกด โดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ แล้วทำการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้ไว้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ

ผลการวิจัย

1.ผลการทดลองใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 81.00/82.11 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์การประสิทธิ์ภาพที่กำหนดไว้ 80/80 (ดังตารางที่ 1)

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องมาตราตัวสะกด พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน มีผลสัมฤทธิ์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยค่าเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน (ดังตารางที่ 2)

3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที 4 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องมาตราตัวสะกด โดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.50

โพสต์โดย K.B : [14 ธ.ค. 2566 (17:39 น.)]
อ่าน [2825] ไอพี : 49.231.194.156
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,612 ครั้ง
ถอดรหัส “วิทยาการคำนวณ” วิชาแห่งโลกอนาคตที่ครูวันนี้ก็ไม่เคยได้เรียน!
ถอดรหัส “วิทยาการคำนวณ” วิชาแห่งโลกอนาคตที่ครูวันนี้ก็ไม่เคยได้เรียน!

เปิดอ่าน 908 ครั้ง
6 สมุนไพรต้านริ้วรอย ช่วยคืนความอ่อนเยาว์
6 สมุนไพรต้านริ้วรอย ช่วยคืนความอ่อนเยาว์

เปิดอ่าน 43,430 ครั้ง
ทำไมหยดน้ำจึงกลิ้งบนใบบัวได้
ทำไมหยดน้ำจึงกลิ้งบนใบบัวได้

เปิดอ่าน 9,791 ครั้ง
คำรำพึง ของคนที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาว ในการปฏิรูปการศึกษา : โดย เพชร เหมือนพันธุ์
คำรำพึง ของคนที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาว ในการปฏิรูปการศึกษา : โดย เพชร เหมือนพันธุ์

เปิดอ่าน 16,791 ครั้ง
ตัวอย่างบริษัท ที่ไม่ควรทำงานด้วย
ตัวอย่างบริษัท ที่ไม่ควรทำงานด้วย

เปิดอ่าน 18,907 ครั้ง
เตรียมตัวให้พร้อม...ผลไม้ไทย ทานอย่างไรให้ดีต่อตัวเอง
เตรียมตัวให้พร้อม...ผลไม้ไทย ทานอย่างไรให้ดีต่อตัวเอง

เปิดอ่าน 44,222 ครั้ง
กสศ. ผลิตสื่อให้ความรู้เรื่องโควิด-19 ฉบับภาษาถิ่น 4 ภาค
กสศ. ผลิตสื่อให้ความรู้เรื่องโควิด-19 ฉบับภาษาถิ่น 4 ภาค

เปิดอ่าน 17,698 ครั้ง
ประโยชน์ของทุเรียน
ประโยชน์ของทุเรียน

เปิดอ่าน 37,224 ครั้ง
วิธีทำอุปกรณ์ง่าย ๆ ดูปรากฏการณ์สุริยุปราคา
วิธีทำอุปกรณ์ง่าย ๆ ดูปรากฏการณ์สุริยุปราคา

เปิดอ่าน 32,662 ครั้ง
ประโยชน์ของ e-Learning
ประโยชน์ของ e-Learning

เปิดอ่าน 47,583 ครั้ง
Verbs  Tenses
Verbs Tenses

เปิดอ่าน 13,898 ครั้ง
ดูแลสุขภาพแบบไทย
ดูแลสุขภาพแบบไทย

เปิดอ่าน 11,302 ครั้ง
น้ำคั้นหัวบีทรู้ท ช่วยลดความดันได้ชัวร์
น้ำคั้นหัวบีทรู้ท ช่วยลดความดันได้ชัวร์

เปิดอ่าน 18,093 ครั้ง
โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ
โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ

เปิดอ่าน 12,909 ครั้ง
8 วิธีคลายเครียดทันใจ
8 วิธีคลายเครียดทันใจ

เปิดอ่าน 40,737 ครั้ง
ธุรกิจออนไลน์ที่น่าลงทุนในปี 2020 สำหรับสร้างรายได้เสริม
ธุรกิจออนไลน์ที่น่าลงทุนในปี 2020 สำหรับสร้างรายได้เสริม
เปิดอ่าน 7,756 ครั้ง
แนะวิธีซื้อสมาร์ทโฟนอย่างคุ้มค่า
แนะวิธีซื้อสมาร์ทโฟนอย่างคุ้มค่า
เปิดอ่าน 11,739 ครั้ง
ทราบหรือไม่? "เฟซบุ๊ก"แอบเปลี่ยนอีเมลแอดเดรสของท่านเป็น "@facebook.com"
ทราบหรือไม่? "เฟซบุ๊ก"แอบเปลี่ยนอีเมลแอดเดรสของท่านเป็น "@facebook.com"
เปิดอ่าน 9,374 ครั้ง
ไฮพาเทียแห่งอเล็กซานเดรีย และ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล นักคณิตศาสตร์หญิงของโลก
ไฮพาเทียแห่งอเล็กซานเดรีย และ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล นักคณิตศาสตร์หญิงของโลก
เปิดอ่าน 19,781 ครั้ง
เรื่องจริงของสังคมโลก "สังคมก้มหน้า" ดูกันเลยว่าจริงไหม?
เรื่องจริงของสังคมโลก "สังคมก้มหน้า" ดูกันเลยว่าจริงไหม?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ