ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”.

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง การพัฒนาแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา

สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา

“เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”

ผู้วิจัย นายการุณ ชูช่วย

ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

หน่วยงาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล

ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2565

การพัฒนาแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นของการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” 2) เพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ 3) เพื่อศึกษาผลการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” การวิจัยครั้งนี้ มุ่งพัฒนาแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ตามการสังเคราะห์ กรอบแนวคิดการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2564) กรมสุขภาพจิต (2551) สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2552) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2559) จำแนกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล 2) ด้านการคัดกรองนักเรียน 3) ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา 4) ด้านการส่งเสริมพัฒนานักเรียน และ 5) ด้านการส่งต่อ โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นของการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ระยะที่ 2 พัฒนาแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ระยะที่ 3 ประชาสัมพันธ์แนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ให้สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล ทั้ง 53 โรงเรียน นำไปปรับใช้ในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษา และระยะที่ 4 ศึกษาผลการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ตามแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”

ผลการพัฒนาแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” พบว่า

1. สภาพปัจจุบันของการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.34) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่าค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้านการคัดกรองนักเรียนและด้านการส่งเสริมพัฒนานักเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.41) รองลงมา คือ ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ( = 4.32) และด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา ( = 4.31) และด้านการส่งต่อมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด ( = 4.28) สำหรับสภาพ ที่พึงประสงค์ของการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” โดยภาพรวมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.67) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาและด้านการส่งเสริมพัฒนานักเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 4.69) รองลงมาคือ ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ( = 4.68) ด้านการคัดกรองนักเรียน ( = 4.66) และด้านการส่งต่อ ( = 4.61) ตามลำดับ สำหรับค่าดัชนีความต้องการจำเป็นแบบปรับปรุง (PNImodified) ของการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ตามความคิดเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการสถานศึกษาที่รับผิดชอบกลุ่มบริหารงานกิจการนักเรียน หัวหน้างานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และครูแนะแนว เรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา (PNImodified = 0.0882) ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล (PNImodified = 0.0833) ด้านการ ส่งต่อ (PNImodified = 0.0771) ด้านการส่งเสริมพัฒนานักเรียน (PNImodified = 0.0635) และ ด้านการคัดกรองนักเรียน (PNImodified = 0.0567)

2. การพัฒนาแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ประกอบด้วย 1) หลักการและแนวคิด 2) วัตถุประสงค์ 3) กลไกการขับเคลื่อนและแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” 4) ปัจจัยความสำเร็จ และ 5) การประเมินผล โดยกลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ประกอบด้วย เข้าใจ หมายถึง การเก็บรวบรวมและศึกษาข้อมูลของนักเรียนรายบุคคลในทุกมิติ ศึกษาบริบท สภาพแวดล้อม สภาพปัญหา ความจำเป็นและความต้องการในการพัฒนา ด้วยวิธีการและเครื่องมือที่เหมาะสมและหลากหลาย สำหรับใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ในการวางแผนการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ทั้งการกำหนดแผนงาน โครงการ กิจกรรม ผู้รับผิดชอบ และวิธีการในการพัฒนานักเรียนตามกระบวนการของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เข้าถึง หมายถึง กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม สร้างความเข้าใจ ร่วมวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการจำเป็นในการพัฒนาของนักเรียน การสื่อสารกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนานักเรียนทั้งภายในสถานศึกษา ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครูที่ปรึกษา นักเรียนทุกคน และภายนอกสถานศึกษา ได้แก่ ผู้ปกครอง ชุมชน เพื่อความเข้าใจตรงกันและให้มีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนามากที่สุด อีกทั้งค้นหากระบวนการ กลวิธี และจัดกิจกรรมในการพัฒนานักเรียนที่หลากหลาย สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการพัฒนาของนักเรียนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล พัฒนา หมายถึง กระบวนการพัฒนาแก้ปัญหาที่ยั่งยืน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนารูปแบบ กระบวนการตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน

รวมถึงการติดตาม สนับสนุน ประเมินผลการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล กลไกการขับเคลื่อน “เข้าใจ” มี 7 แนวทาง “เข้าถึง” มี 2 แนวทาง “พัฒนา” มี 4 แนวทาง ด้านการคัดกรองนักเรียน กลไกการขับเคลื่อน “เข้าใจ” มี 3 แนวทาง “เข้าถึง” มี 5 แนวทาง “พัฒนา” มี 1 แนวทาง ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา กลไก การขับเคลื่อน “เข้าใจ” มี 3 แนวทาง “เข้าถึง” มี 5 แนวทาง “พัฒนา” มี 4 แนวทาง ด้านการส่งเสริมพัฒนานักเรียน กลไกการขับเคลื่อน “เข้าใจ” มี 1 แนวทาง “เข้าถึง” มี 4 แนวทาง “พัฒนา” มี 4 แนวทาง ด้านการส่งต่อ กลไกการขับเคลื่อน “เข้าใจ” มี 3 แนวทาง “เข้าถึง” มี 2 แนวทาง “พัฒนา” มี 3 แนวทาง มีผลการประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ความเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย 4.61 ความเป็นไปได้ มีค่าเฉลี่ย 4.64

3. ผลการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ในภาพรวมเกิดผลที่ส่งผลต่อคุณภาพของนักเรียน ครู สถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล และชุมชน ครอบคลุมทุกมิติในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งด้านโอกาส ด้านคุณภาพ ด้านประสิทธิภาพ และด้านความปลอดภัย โดยส่งผลต่อคุณภาพของนักเรียนจำนวน 10 รายการ ครู จำนวน 5 รายการ สถานศึกษา จำนวน 5 รายการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล จำนวน 9 รายการ และชุมชน จำนวน 3 รายการ

ทั้งนี้มีข้อค้นพบที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษาในการวิจัยครั้งต่อไป ดังนี้

1. จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) และโรคอุบัติใหม่ ที่อาจก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางการศึกษาอีกระลอกหนึ่ง จึงควรวิจัยการนำเทคโนโลยี มาใช้ในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) และโรคอุบัติใหม่

2. ควรวิจัยการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของผู้เรียน โดยมุ่งเน้น การแก้ปัญหาภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss) ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ในปัจจุบัน

3. ควรวิจัยรูปแบบ แนวทาง หรือวิธีการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนรูปแบบใหม่และนำผลการวิจัยมาเปรียบเทียบการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนสำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล โดยใช้ศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อนำผลการเปรียบเทียบไปใช้ในการวางแผนการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีการพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อม สภาพเศรษฐกิจ สังคม และโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นปัจจุบัน

โพสต์โดย Karun : [6 ธ.ค. 2566 (20:54 น.)]
อ่าน [4633] ไอพี : 180.183.24.166
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,695 ครั้ง
จำกันได้ไหม? "คลิปฝรั่งเกลียดเมืองไทย" ล่าสุดได้รางวัลโฆษณาส่งเสริมการท่องเที่ยวยอดเยี่ยม!!
จำกันได้ไหม? "คลิปฝรั่งเกลียดเมืองไทย" ล่าสุดได้รางวัลโฆษณาส่งเสริมการท่องเที่ยวยอดเยี่ยม!!

เปิดอ่าน 29,642 ครั้ง
ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553
ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553

เปิดอ่าน 269,118 ครั้ง
Adverbs การทำให้เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (Formation )
Adverbs การทำให้เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (Formation )

เปิดอ่าน 14,788 ครั้ง
ADSL2/2+
ADSL2/2+

เปิดอ่าน 94,307 ครั้ง
แบบจำลองการสื่อสารของแชนนัน และวีเวอร์
แบบจำลองการสื่อสารของแชนนัน และวีเวอร์

เปิดอ่าน 7,997 ครั้ง
การประยุกต์สถิติในชีวิตประจำวัน
การประยุกต์สถิติในชีวิตประจำวัน

เปิดอ่าน 34,494 ครั้ง
แบบคำขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
แบบคำขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

เปิดอ่าน 26,297 ครั้ง
สูตรการคำนวณระดับความสำเร็จ กรณีข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี
สูตรการคำนวณระดับความสำเร็จ กรณีข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี

เปิดอ่าน 27,313 ครั้ง
ประกาศ
ประกาศ

เปิดอ่าน 11,150 ครั้ง
แนะวิธีสังเกต ธนบัตรปลอม
แนะวิธีสังเกต ธนบัตรปลอม

เปิดอ่าน 48,975 ครั้ง
140 ที่สุดในโลก
140 ที่สุดในโลก

เปิดอ่าน 16,268 ครั้ง
ข้อสอบยากๆใช่ว่าจะพัฒนาคนได้
ข้อสอบยากๆใช่ว่าจะพัฒนาคนได้

เปิดอ่าน 9,817 ครั้ง
ซูฮก! ครูมะกันพิการแขน ใช้เท้าต่างมือสอนนักเรียน
ซูฮก! ครูมะกันพิการแขน ใช้เท้าต่างมือสอนนักเรียน

เปิดอ่าน 16,169 ครั้ง
สื่อดิจิทัล “Learning Object” ชุดใหม่ สสวท.พร้อมให้ใช้งานแล้ว
สื่อดิจิทัล “Learning Object” ชุดใหม่ สสวท.พร้อมให้ใช้งานแล้ว

เปิดอ่าน 19,687 ครั้ง
มโนทัศน์ของเทคโนโลยีการศึกษา
มโนทัศน์ของเทคโนโลยีการศึกษา

เปิดอ่าน 31,775 ครั้ง
ภาษาอังกฤษ เริ่มได้ที่บ้าน กับ สอนลูกฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษกับคำศัพท์เกี่ยวกับบ้าน
ภาษาอังกฤษ เริ่มได้ที่บ้าน กับ สอนลูกฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษกับคำศัพท์เกี่ยวกับบ้าน
เปิดอ่าน 47,360 ครั้ง
รับชมที่นี่ วีดิทัศน์ สอนการเขียนสระภาษาไทยที่ถูกต้อง
รับชมที่นี่ วีดิทัศน์ สอนการเขียนสระภาษาไทยที่ถูกต้อง
เปิดอ่าน 12,292 ครั้ง
คู่มือการจัดหาประโยชน์จากที่ดิน ของสถานศึกษา
คู่มือการจัดหาประโยชน์จากที่ดิน ของสถานศึกษา
เปิดอ่าน 9,314 ครั้ง
ถอดรหัสลับบิ๊ก "แอปเปิล" 6 สูตรสำเร็จที่ใคร ๆ อยากรู้ ?
ถอดรหัสลับบิ๊ก "แอปเปิล" 6 สูตรสำเร็จที่ใคร ๆ อยากรู้ ?
เปิดอ่าน 4,404 ครั้ง
กว่าจะเป็นครู : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP.2
กว่าจะเป็นครู : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP.2

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ