ผู้วิจัย นางปรียาภัทร์ ตุลาชม
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น สำนักการศึกษา เทศบาลนครเชียงราย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีการศึกษา 2566
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียน การสอน การสอนอ่านตามทฤษฎีโครงสร้างความรู้ และทฤษฎีการรู้และเข้าใจตนเองเพื่อส่งเสริมทักษะ การอ่าน การเขียนภาษาไทยของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 2) ศึกษาความสามารถการอ่าน การเขียนภาษาไทย ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ทางภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนการสอน การสอนอ่านตามทฤษฎีโครงสร้างความรู้และทฤษฎีการรู้และเข้าใจตนเองเพื่อส่งเสริมทักษะ การอ่าน การเขียนภาษาไทย และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอน การสอนอ่านตามทฤษฎีโครงสร้างความรู้และทฤษฎีการรู้และเข้าใจตนเองเพื่อส่งเสริมทักษะ การอ่าน การเขียนภาษาไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/2 ที่กำลังเรียนภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 36 คน โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pretest Posttest Design เครื่องมือในการวิจัยได้แก่ รูปแบบการเรียนการสอน แผนการจัดการเรียนรู้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ การอ่าน การเขียน และการคิดวิเคราะห์ แบบทดสอบวัดความสามารถการอ่าน การเขียนภาษาไทย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ คำเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า ERCEE มีองค์ประกอบ คือหลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน เนื้อหารสาระความรู้ สิ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ระบบสังคม หลักการตอบสนอง และสิ่งสนับสนุน ซึ่งมีกระบวนการเรียนการสอน 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย คือ กิจกรรมก่อนอ่าน (Before Reading) 1) ขั้น E (Engagement) คือ สร้างความสนใจ กิจกรรมดำเนินการอ่าน (During Reading) 2) ขั้น R (Read) คือ การอ่านเรื่องอย่างละเอียด กิจกรรมหลังอ่าน (After Reading) 3) ขั้น C (Contemplation) คือ การสรุปใจความสำคัญของเรื่อง 4) ขั้น E (Elaborate) เป็นการขยายความรู้ของเรื่องที่อ่าน 5) ขั้น E (Evaluation) คือ การประเมินผล ผลการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องของรูปแบบการเรียนการสอน เท่ากับ 0.71 -100 ซึ่งมีความสอดคล้อง และผลการหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอนการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนรูปแบบการสอนอ่านตามทฤษฎีโครงสร้างความรู้และทฤษฎีการรู้และเข้าใจตนเองเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนภาษาไทย ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 88,58/87.02 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฎว่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งยอมรับสมมติฐานข้อที่ 1
2. ความสามารถการอ่าน การเขียนภาษาไทย ของนักเรียนหลังจากการใช้รูปแบบการเรียนการสอน ERCEE โดยรวมอยู่ในระดับดี
3. ผลการเรียนรู้ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอน ERCEE ส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียน ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีผลการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียน (ERCEE) พบว่า โดยภาพรวมนักเรียนพึงพอใจอยู่ระดับมาก ดังนี้ อันดับที่ 1 ด้านชุดกิจกรรมการเรียนรู้ การอ่าน การเขียนและ การคิดวิเคราะห์ รองลงมาคือด้านกิจกรรมการเรียนรู้และด้านผู้สอน และอันดับสุดท้าย คือ ด้านการวัดและประเมินผล