ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้
1. บทเรียนโปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนมัธยมนาคนาวาอุปถัมภ์ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause โดยใช้บทเรียนโปรแกรมมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
การอภิปรายผล
การวิจัยครั้งนี้เป็นการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนโปรแกรมกับการเรียนรู้แบบปกติ สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้
1. การหาประเมินความสอดคล้องระหว่างองค์ประกอบของบทเรียนโปรแกรม วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause ที่ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพจากแบบสอบถามความคิดเห็น พบว่า มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) อยู่ระหว่าง 0.73 ถึง 0.93 ซึ่งมีค่าสูงกว่าเกณฑ์ มีความสอดคล้องกัน สามารถนำไปใช้ได้
2. การหาคุณภาพของบทเรียนโปรแกรม วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause ที่ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพจากแบบสอบถามมาตรประมาณค่าระดับ 5 ผลคะแนนเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เท่ากับ 4.40 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.29 ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าบทเรียนโปรแกรม วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause ที่พัฒนาขึ้นนั้นสามารถใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพและนำไปใช้เพื่อเป็นสื่อเสริมการสอนได้
3. สำหรับการหาประสิทธิภาพบทเรียนโปรแกรม วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause ซึ่งการหาประสิทธิภาพขั้นที่ 1 ทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างขั้นรายบุคคล จำนวน 5 คน เพื่อหาข้อบกพร่อง ยังไม่นำมาหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ แต่ขั้นที่ 2 ขั้นกลุ่มย่อย จำนวน 9 คน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 80.00/80.66 และขั้นที่ 3 ทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างแบบภาคสนาม จำนวน 30 คน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 80.93/81.11 นั่นคือ ประสิทธิภาพของบทเรียนโปรแกรม วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 การที่ค่า E1/E2 มีค่าสูงนั้น อาจเนื่องมาจากการออกแบบการสร้างบทเรียนโปรแกรม วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause ที่ประกอบด้วย 6 ขั้นตอนได้แก่ จุดมุ่งหมาย ทักษะ เนื้อหาย่อย แบบฝึกหัด สรุป และรูปแบบการของบทเรียนโปรแกรม วิชาภาษาอังกฤษ การตรวจสอบคุณภาพและให้ข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ ปรับปรุงตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและข้อเสนอแนะจากนักเรียนที่เป็นกลุ่มทดลองหาประสิทธิภาพ ในขั้นที่ 1 ผลที่ได้จึงแสดงให้เห็นว่า บทเรียนโปรแกรม วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause มีประสิทธิภาพที่นำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยตามคำกล่าวของ บอร์ก และกอลล์ (Borg; & Gall. 1989: 784-785) คือ กำหนด รวบรวม วางแผน ออกแบบ ทดลอง ปรับปรุง นำไปใช้ จะทำให้ได้บทเรียนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี
4. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Adjective Clause ระหว่างวิธีการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนโปรแกรมกับวิธีการเรียนรู้แบบออนไลน์ พบว่าคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลุ่มทดลองมีค่า 24.16 คะแนน และกลุ่มควบคุมเท่ากับ 17.26 คะแนน จึงสรุปได้ว่า นักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้บทเรียนโปรแกรม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าวิธีการสอนออนไลน์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของกันต์ดนัย วรจิตติพล (2542) ศึกษาการสร้างและการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ การเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฎนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบฝึกทักษะการเขียน แบบทดสอบและแบบสอบถามความคิดเห็นพบว่าประสิทธิภาพของแบบฝึกดี มีค่าเท่ากับ 84.31/83.01 และ ความสามารถทางการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังจากการทำแบบฝึกทักษะการเขียนสูงกว่าก่อนการทำแบบฝึกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
5. จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนระหว่างการทดลองทั้ง 3 ครั้ง พบว่าผู้เรียนมีความสนใจเรียนกับการเรียนด้วยบทเรียนโปรแกรม มีความกระตือรือร้นและใฝ่เรียนรู้แบบฝึกเป็นอย่างดี ผู้เรียนชื่นชอบรูปแบบ รูปภาพ แบบฝึกหัดที่หลากหลายที่กระตุ้นการเรียนรู้ของนักเรียน ทั้งนี้เพราะคุณสมบัติของบทเรียนโปรแกรมเป็นการนำเสนอองค์ความรู้ที่จากง่ายไปสู่ยาก มีแบบฝึกหัดที่ให้ทบทวนเนื้อหาทันทีหลังจากเรียนจบแต่ละหน่วย สร้างบรรยากาศให้น่าสนใจ ทำให้ไม่เบื่อหน่ายกับการเรียน (สุนทรี ทองชิตร์, 2546, น. 12)