ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาส

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ื่ชื่อวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์

ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ผู้วิจัย นางสุภาวดี กิจเกิด

ปีที่วิจัย 2565

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบ การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมอง เป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มี4 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ขั้นที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบ ขั้นที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบ และขั้นที่ 4 การประเมินผล กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้น

ประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัดสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 จำนวน 13 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถาม 2) คู่มือการใช้รูปแบบ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบประเมินการคิดวิเคราะห์5) แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ และ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การคำนวณค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติที(t - test)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน พบว่า ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก (X = 4.47, S.D. = 0.56) ข้อที่มี การปฏิบัติในระดับมากที่สุด คือ

จัดบรรยากาศภายในห้องเรียนเอื้อต่อการเรียนรู้รองลงมาคือ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีการเชื่อมโยงเนื้อหากับชีวิตประจำวัน จัดกิจกรรมการเรียนการสอน

เน้นให้นักเรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการคิด พบว่า ครูผู้สอนมีการตั้งคำถาม โดยใช้คำถามที่ง่าย ต่อการเข้าใจ มีการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียน เน้นกิจกรรมให้นักเรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเองมากกว่าการบรรยาย มีการเตรียมและใช้สื่อ อุปกรณ์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างแรงจูงใจ ในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียน

2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้องค์ประกอบสำคัญ คือ 1) หลักการและแนวคิด 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ และ 4) การประเมินผล กระบวนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมสมอง ขั้นที่ 2 ขั้นเชื่อมโยงความรู้ ขั้นที่ 3 ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขั้นที่ 4 ขั้นวิเคราะห์และสรุปความรู้ และขั้นที่ 5 ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ ผลการประเมินคุณภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.53, S.D. = 0.56)

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า

3.1 ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เท่ากับ 85.30/84.62 ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

3.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3.3 การคิดวิเคราะห์นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนการประเมินอยู่ในระดับดี มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 10.07 คิดเป็นร้อยละ 83.88

4. ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์โดยใช้แนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนในระดับพึงพอใจมากที่สุด (x̄ = 4.53, S.D. = 0.51)

โพสต์โดย ครูสุภาวดี : [26 ก.ย. 2566 เวลา 17:04 น.]
อ่าน [1846] ไอพี : 119.42.83.13
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,708 ครั้ง
กระโดดเชือกแบบทีมเจ๋งๆ ลีลาเทพโคตร! ขอบอก
กระโดดเชือกแบบทีมเจ๋งๆ ลีลาเทพโคตร! ขอบอก

เปิดอ่าน 1,449 ครั้ง
วิธีขอใบกำกับภาษี 7-Eleven เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีผ่าน EASY E-Receipt
วิธีขอใบกำกับภาษี 7-Eleven เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีผ่าน EASY E-Receipt

เปิดอ่าน 30,225 ครั้ง
ภาพกีฬามันๆ โหด มัน ฮา ตลก ขำๆ มาดูกันคลายเครียด
ภาพกีฬามันๆ โหด มัน ฮา ตลก ขำๆ มาดูกันคลายเครียด

เปิดอ่าน 19,220 ครั้ง
เทคนิคการคูณด้วยเลข 9 ง่ายๆ โดยนับนิ้วมือ จำไว้สอนเด็กๆ ครับ
เทคนิคการคูณด้วยเลข 9 ง่ายๆ โดยนับนิ้วมือ จำไว้สอนเด็กๆ ครับ

เปิดอ่าน 15,772 ครั้ง
5 กลิ่นอาหาร ที่จะช่วยให้คุณผอม!
5 กลิ่นอาหาร ที่จะช่วยให้คุณผอม!

เปิดอ่าน 19,464 ครั้ง
รู้ยัง ! กรมขนส่งขยายเวลาใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว จาก 1 ปี เป็น 2 ปี
รู้ยัง ! กรมขนส่งขยายเวลาใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว จาก 1 ปี เป็น 2 ปี

เปิดอ่าน 44,603 ครั้ง
Verb Tenses (Future Tenses )
Verb Tenses (Future Tenses )

เปิดอ่าน 1,896 ครั้ง
ประโยชน์ของโหระพา
ประโยชน์ของโหระพา

เปิดอ่าน 2,223 ครั้ง
เตรียมพร้อมลูก เปิดเทอมใหม่ห่างไกลโควิด
เตรียมพร้อมลูก เปิดเทอมใหม่ห่างไกลโควิด

เปิดอ่าน 10,679 ครั้ง
Apink - Hush คลิปนี้คนดูล้านกว่าวิว (HD)
Apink - Hush คลิปนี้คนดูล้านกว่าวิว (HD)

เปิดอ่าน 12,759 ครั้ง
สอนอย่างไรให้เด็กคิดเขียน
สอนอย่างไรให้เด็กคิดเขียน

เปิดอ่าน 80,687 ครั้ง
ระบบโทรทัศน์
ระบบโทรทัศน์

เปิดอ่าน 6,425 ครั้ง
รวมสื่อการสอน Back to School 2565
รวมสื่อการสอน Back to School 2565

เปิดอ่าน 191,801 ครั้ง
เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของอาเซียน
เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของอาเซียน

เปิดอ่าน 38,244 ครั้ง
รักษาฝ้าให้หายขาดได้หรือไม่? ครีมรักษาฝ้าให้หายขาดมีจริงไหม? เราหาคำตอบมาให้แล้ว!
รักษาฝ้าให้หายขาดได้หรือไม่? ครีมรักษาฝ้าให้หายขาดมีจริงไหม? เราหาคำตอบมาให้แล้ว!

เปิดอ่าน 15,534 ครั้ง
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!
เปิดอ่าน 4,692 ครั้ง
ภาษาอีสานน่ารู้
ภาษาอีสานน่ารู้
เปิดอ่าน 17,398 ครั้ง
มะระจีน
มะระจีน
เปิดอ่าน 56,729 ครั้ง
กองทุนเพื่อความเสมอภาค ทางการศึกษา...คืออะไร?
กองทุนเพื่อความเสมอภาค ทางการศึกษา...คืออะไร?
เปิดอ่าน 27,778 ครั้ง
หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติ การเปลี่ยนชื่อโรงเรียน
หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติ การเปลี่ยนชื่อโรงเรียน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ