ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้แบบจำลองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชื่อเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้

แบบจำลอง เป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผู้วิจัย นางเพลินพิศ ตาลประดิษฐ์

หน่วยงาน โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสัย

สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1

ปีที่พิมพ์ 2566

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้แบบจำลองเป็นฐาน 2) เพื่อหาประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้แบบจำลองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 3) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

กลุ่มสาระการเรียนวิทยาศาสตร์ จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้แบบจำลองเป็นฐาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้แบบจำลองเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/7 โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวนนักเรียน 40 คน โดยการเลือก แบบเจาะจง (Purposive Sampling)เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง

2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผล และ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผล การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยหาร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หาประสิทธิภาพ หาดัชนีประสิทธิผล และทดสอบสมมติฐานใช้ t – test (Dependent Samples) รวมทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้จากการ

สังเกตแบบไม่มีโครงสร้างโดยกลุ่มผู้วิจัย การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้างโดยกลุ่มผู้วิจัย การจดบันทึก

หลังการสอนโดยผู้วิจัย แล้วนำข้อมูลทั้งหมด มาวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคสามเส้า (Triangulation)

ผลการวิจัยพบว่า

จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งข้อมูลเชิงคุณภาพและข้อมูลเชิงปริมาณเกี่ยวกับการจัดกิจกรรม

การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์โดยการจัดกิจกรรมการ

เรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้แบบจำลองเป็นฐาน กลุ่มสาระ

การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้วิจัยสรุปผลการวิจัย ดังนี้

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพในแต่ละวงจร เป็นดังนี้

วงจรที่ 1 สรุปผลการปฏิบัติในแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1-3

จากวงจรที่ 1 ปัญหาที่พบ คือ ในขั้นอธิบาย (Explain) ในขณะที่ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายนักเรียนยังไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับครูบางส่วนไม่ตอบคำถามและบางส่วนยังไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับแรงได้ ขั้นวิศวกรรม(Engineer) นักเรียนยังมีปัญหาในขั้นนี้ค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นการระบุปัญหา การสร้างแบบจำลอง การปรับแบบจำลอง การใช้แบบจำลองในการแก้ปัญหา และในขั้นขั้นปรับปรุง (Enrich) สิ่งที่นักเรียนสื่อสารออกมาในเรื่องแรง ไม่ว่าจะเป็นการเกิดแรงไฟฟ้า ผลของแรงไฟฟ้า การเกิดแรงไฟฟ้าระหว่างประจุไฟฟ้า ยังเป็นข้อความสั้นๆ ยังไม่เป็นประโยคที่แสดงถึงความเข้าใจอย่างถ่องแท้

วงจรที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติในแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 4-6

การแก้ปัญหาที่พบในวงจรที่ 1 จากปัญหาในการที่นักเรียนยังไม่มีปฏิบัติสัมพันธ์กับครูในการร่วมกันอภิปรายในขั้นอธิบาย (Explain) ครูผู้สอนและผู้ร่วมวิจัยได้สังเกตพบว่าบางส่วนที่ไม่ตอบไม่ใช่ตอบไม่ได้หรือไม่เข้าใจสิ่งครูถามเพียงแค่ไม่ได้ใส่ใจในคำถามของครูซึ่งครูได้ใช้วิธีการกระตุ้นนักเรียนกลุ่มดังกล่าว ในกรณีที่นักเรียนบางส่วนตอบไม่ได้ครูใช้คำถามที่ชัดเจนขึ้นหรือย้ำให้นักเรียนได้คิดตามช้าๆ และครูพยายามกระตุ้นให้นักเรียนตอบคำถามให้มากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจและเข้าใจในเนื้อหาดังกล่าว ในขั้นสำรวจ และค้นหา (Explore) ครูพยายามสร้างความเข้าใจให้นักเรียนจัดกิจกรรมใบงาน/สื่อที่กระตุ้นความสนใจของนักเรียน

ผลการแก้ปัญหาพบว่า นักเรียนเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับครูมากขึ้นนักเรียนตามคำถามครูซึ่งอาจจะตรงประเด็นบ้างหรือนอกประเด็นบ้างซึ่งครูก็จะใช้วิธีการสรุปอีกครั้งหนึ่ง ประกอบกับในวงจรที่ 2 มีกิจกรรมการทดลองการเขียนแผนวงจรไฟฟ้านักเรียนได้ทดลองการต่อวงจรไฟฟ้าในขั้นวิศวกรรม(Engineer) จึงทำให้นักเรียนดำเนินการได้ดีขึ้นแต่ยังต้องใช้เวลาและครูต้องคอยกำกับ การตอบคำถามหรืออธิบายที่สิ่งตัวนักเรียนรู้และต้องการสื่อสารได้ดีขึ้น รวมทั้งนักเรียนเริ่มคุ้นเคยกับรูปแบบการจัดกิจกรรมเพิ่มขึ้น

จากวงจรที่ 2 ปัญหาที่พบ คือ นักเรียนทดลองการต่อวงจรไฟฟ้านักเรียนยังขาดความละเอียดรอบครอบ เช่นเมื่อต่อวงจรแล้วไม่ติดนักเรียนคิดว่านักเรียนทำผิด รวมทั้งการบันทึกผลการปฏิบัติกิจกรรมยังไม่ละเอียด ตรงประเด็น หรือบันทึกไม่ครบตามที่ระบุ

วงจรที่ 3 สรุปผลการปฏิบัติในแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 7-9

ได้แก้ปัญหาที่พบในวงจรที่ 2 จากปัญหาในส่วนของความละเอียดรอบครอบในการปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง รวมทั้งการบันทึกผล ครูและผู้ร่วมวิจัยมีความเห็นตรงกันว่าครูต้องคอยแนะนำขั้นตอนทีละขั้นและตรวจสอบความเข้าใจนักเรียนไปพร้อมกัน ครูแนะนำให้นักเรียนใช้กระบวนการกลุ่มในการตัดสินใจการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม และจากวงจรที่ 2 วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายสามารถปรับใช้ได้ดีในการแก้ปัญหาดังกล่าวในวงจรที่ 3 การต่อเซลล์ไฟฟ้า

ผลการแก้ปัญหาพบว่า นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมได้มั่นใจขึ้น หากมีสิ่งที่นักเรียนไม่มั่นใจว่าปฏิบัติถูกต้องหรือไม่นักเรียนกล้าที่จะสอบถามครู รวมทั้งก่อนการบันทึกผลนักเรียนปรึกษาหารือสมาชิกในกลุ่มก่อนลงข้อสรุปกิจกรรมในใบงาน

จากวงจรที่ 3 ปัญหาที่พบ คือ การตั้งสมมติฐานของนักเรียนยังไม่เป็นไปตามแนวทางที่ต้องการอย่างเช่นในเรื่องของจำนวนถ่ายไฟฉายกับความสว่างของหลอดไฟ รวมทั้งการกำหนดตัวแปร

วงจรที่ 4 สรุปผลการปฏิบัติในแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 10-12

ได้แก้ปัญหาที่พบในวงจรที่ 3 จากปัญหาในเรื่องการตั้งสมมติฐาน และการกำหนดตัวแปร ครูผู้สอนและผู้ร่วมวิจัยได้หาแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยในกิจกรรมการทดลองเรื่อง หลอดไฟฟ้าต่ออย่างไร ครูจะใช้การอภิปรายร่วมกันถึงสิ่งที่ปัญหาของการทดลองให้ชัดเจนก่อนซึ่งจะทำให้เชื่อมโยงไปถึงการตั้งสมมติฐานและการำหนดตัวแปรที่ชัดเจน

ผลการแก้ปัญหาพบว่า นักเรียนมีทักษะในการตั้งสมมุติฐานและการกำหนดตัวแปรดีขึ้น ตัวอย่างเช่น การทดลองการต่อหลอดไฟฟ้ากรณีที่ถอดหลอดไฟฟ้าออก 1 ดวงแล้วหลอดไฟฟ้าที่เหลือดับ หรือการต่อหลอดไฟ แล้วถอดหลอดไฟฟ้าออก 1 ดวงแล้วหลอดไฟฟ้าที่เหลือยังสว่างอยู่ จากทักษะดังกล่าวส่งผลต่อความเข้าใจของนักเรียนในเรื่อง การต่อแบบอนุกรมและแบบขนาน

จากวงจรที่ 4 ปัญหาที่พบ คือ นักเรียนบางส่วนยังขาดทักษะการใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หรืออุปกรณ์การทดลอง

2. นักเรียนมีคะแนนความสามารถในการแก้ปัญหา เฉลี่ยเท่ากับ 15.83 จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 79.13 และนักเรียนมีคะแนนความคิดสร้างสรรค์ เฉลี่ยเท่ากับ 19.83 จากคะแนนเต็ม 24 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 82.60

3. ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้แบบจำลองเป็นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.81/82.58 ซึ่งสูงกว่าเกณฑที่ตั้งไว้ 80/80

4. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้แบบจำลองเป็นฐาน พบว่า คะแนนหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ฯ สูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

5. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจความพึงพอใจต่อจากการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ตามแนวทางสะเต็มศึกษาแบบ 6E Learning ร่วมกับการใช้แบบจำลองเป็นฐาน อยู่ในระดับมาก ( = 4.41)

โพสต์โดย KruNoui : [18 ก.ย. 2566 เวลา 17:10 น.]
อ่าน [1945] ไอพี : 223.206.232.159
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 33,171 ครั้ง
การเต้นเป็นกลุ่มที่เรียกว่า "ฮาร์เล็ม เชค Harlem Shake" คืออะไร?
การเต้นเป็นกลุ่มที่เรียกว่า "ฮาร์เล็ม เชค Harlem Shake" คืออะไร?

เปิดอ่าน 17,181 ครั้ง
วันครู "ครูไทย" การ์ตูนคิวคน โดย อรุณ วัชรสวัสดิ์
วันครู "ครูไทย" การ์ตูนคิวคน โดย อรุณ วัชรสวัสดิ์

เปิดอ่าน 13,358 ครั้ง
20 วิธีที่คุณควรลอง ถ้าอุปกรณ์เชื่อมต่อภายนอกของคุณไม่ทำงาน
20 วิธีที่คุณควรลอง ถ้าอุปกรณ์เชื่อมต่อภายนอกของคุณไม่ทำงาน

เปิดอ่าน 19,000 ครั้ง
จุฬาฯวิจัยสารสกัดดอกสะเดา มีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
จุฬาฯวิจัยสารสกัดดอกสะเดา มีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่

เปิดอ่าน 11,350 ครั้ง
ขนุนอินโดนีเซีย
ขนุนอินโดนีเซีย

เปิดอ่าน 11,602 ครั้ง
การเลี้ยง "หมูหลุม" และ การผลิต "น้ำหมักชีวภาพ"
การเลี้ยง "หมูหลุม" และ การผลิต "น้ำหมักชีวภาพ"

เปิดอ่าน 10,805 ครั้ง
กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว
กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว

เปิดอ่าน 12,201 ครั้ง
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ครูใหญ่-ปฏิรูปศึกษา
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ครูใหญ่-ปฏิรูปศึกษา

เปิดอ่าน 16,902 ครั้ง
ชาวเน็ตร่วมพิสูจน์! คลิปพญานาคโผล่เล่นน้ำสกลนคร...จริงหรือ?
ชาวเน็ตร่วมพิสูจน์! คลิปพญานาคโผล่เล่นน้ำสกลนคร...จริงหรือ?

เปิดอ่าน 9,946 ครั้ง
PSY - GANGNAM STYLE คลิปยอดฮิต "กังนัม สไตล์"
PSY - GANGNAM STYLE คลิปยอดฮิต "กังนัม สไตล์"

เปิดอ่าน 20,278 ครั้ง
วิธีลดต้นแขนแบบง่าย ๆ ได้ผลชัวร์
วิธีลดต้นแขนแบบง่าย ๆ ได้ผลชัวร์

เปิดอ่าน 12,936 ครั้ง
4 คุณสมบัติหลัก ที่ Netbook ควรมี
4 คุณสมบัติหลัก ที่ Netbook ควรมี

เปิดอ่าน 452,873 ครั้ง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับสมบูรณ์(4 สี)
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับสมบูรณ์(4 สี)

เปิดอ่าน 15,738 ครั้ง
10 อาหารอุดมแคลเซียม ที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักได้
10 อาหารอุดมแคลเซียม ที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักได้

เปิดอ่าน 3,916 ครั้ง
ฮิคิโคโมริ ซินโดรม โรคเก็บตัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุเมื่อลูกเริ่มหนีห่างจากสังคม
ฮิคิโคโมริ ซินโดรม โรคเก็บตัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุเมื่อลูกเริ่มหนีห่างจากสังคม

เปิดอ่าน 7,853 ครั้ง
รมต.สาธารณสุข แนะเลี้ยงลูกเทพให้พอดี ถ้าคิดว่าตอบโต้ได้ควรปรึกษาแพทย์
รมต.สาธารณสุข แนะเลี้ยงลูกเทพให้พอดี ถ้าคิดว่าตอบโต้ได้ควรปรึกษาแพทย์
เปิดอ่าน 19,775 ครั้ง
การสะเดาะห์เคราะห์ด้วยการปล่อยปลา
การสะเดาะห์เคราะห์ด้วยการปล่อยปลา
เปิดอ่าน 9,353 ครั้ง
รับชม คุณครูฮ้องเพลงคำเมือง "ภูมิแพ้โปเกม่อน" ให้กำลังใจครูที่ปวดหัวกับนักเรียนที่มัวเล่นเกมล่าโปเกม่อน
รับชม คุณครูฮ้องเพลงคำเมือง "ภูมิแพ้โปเกม่อน" ให้กำลังใจครูที่ปวดหัวกับนักเรียนที่มัวเล่นเกมล่าโปเกม่อน
เปิดอ่าน 7,718 ครั้ง
ราชภัฏกับธนาคาร
ราชภัฏกับธนาคาร
เปิดอ่าน 16,461 ครั้ง
เงิน กับ ธรรมะ
เงิน กับ ธรรมะ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ