ชื่อวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับแนวคิด
การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
เรื่อง ประวัติศาสตร์สากล กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย อนัญญา รัตนะวัน
ปีที่วิจัย 2564-2565
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เฉพาะ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน 2) เพื่อสร้างรูปแบบการจัดการเรียนการสอน 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอน และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอน การดำเนินการวิจัย ดำเนินการตามขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานของการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร และแบบสัมภาษณ์ ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ รูปแบบและคู่มือการใช้รูปแบบ และแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบวัดทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอน เครื่องมือ ที่ใช้ ได้แก่ แบบประเมินความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้องของรูปแบบ และแบบสอบถามความพึงพอใจ กลุ่มตัวอย่างที่นำรูปแบบไปใช้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนกุดเสลาวิทยาคม อำเภอกันทรลักษ์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 33 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์โดยการคำนวณหาค่าประสิทธิภาพ (E1/ E2) ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติที (t - test แบบ Dependent Samples) และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน พบว่า การจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ครูมีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีสอนแบบบรรยายอย่างเดียว ไม่เห็นความสำคัญของการใช้สื่อ และผู้เรียนเห็นความสำคัญของการเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์น้อยมาก เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ น่าเบื่อหน่าย เนื้อหาการเรียนค่อนข้างเยอะและต้องท่องจำ ไม่เน้นกระบวนการคิดทางประวัติศาสตร์เท่าที่ควร ทำให้นักเรียนไม่สามารถวิเคราะห์หรือตัดสินใจแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ ครูอยากให้มีกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเสริมให้นักเรียนเป็นผู้ที่รู้จักคิดอย่างมีวิจารณญาณ รู้จักใช้เหตุผลในวิเคราะห์และตัดสินใจ นักเรียนสร้างความรู้ได้ด้วยตนเองและนำความรู้ไปใช้เป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตอย่างถูกแบบแผน
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีองค์ประกอบสำคัญ 5 องค์ประกอบ คือ 1) แนวคิดของรูปแบบ 2) จุดมุ่งหมายของรูปแบบ 3) วิธีดำเนินกิจกรรมตามรูปแบบ 4) การประเมินผล และ 5) ปัจจัยที่สนับสนุนการเรียนรู้ ประกอบด้วย ระบบสังคม หลักการตอบสนอง และระบบสนับสนุน โดยในองค์ประกอบที่ 3 วิธีดำเนินกิจกรรมตามรูปแบบ มี 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นทบทวนเรื่องราว ขั้นที่ 2 ขั้นเข้าใจแหล่งข้อมูล ขั้นที่ 3 ขั้นเพิ่มพูนวิธีคิด ขั้นที่ 4 ขั้นติดตามหลักฐาน และขั้นที่ 5 รายงานผลอย่างรอบคอบ และผลการประเมินรูปแบบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอน มีความเหมาะสมมากที่สุด (x̄ = 4.52, S.D. = 0.61)
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอน สรุปได้ดังนี้
3.1 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.2 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ มีคะแนนทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณภาพรวมในระดับสูงมาก (x̄ = 2.75, S.D. = 0.43) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยการเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ การตัดสินข้อมูล การนิยามปัญหา การลงข้อสรุปอย่างสมเหตุสมผล และการกำหนดและเลือกสมมติฐาน
4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอน สรุปได้ดังนี้
4.1 รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ มีผลการประเมินมาตรฐานความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมและความถูกต้อง ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.51, S.D. = 0.56)
4.2 ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ร่วมกับแนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ อยู่ในระดับพึงพอใจมาก (x̄ = 4.49, S.D. = 0.60)