ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ผู้วิจัย นางสาวภาวิณีย์ โสภัย
สถานศึกษา โรงเรียนพังงูวิทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี 5
ปีการศึกษา พ.ศ. 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความจำเป็นในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียน ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการเรียนการสอน 4) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียน ที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอน 5) เพื่อขยายผลการใช้รูปแบบ การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่กําลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนพังงูวิทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี 5 จำนวน 20 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการขยายผลการวิจัยเป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนหนองหานวิทยา อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียน และแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบ การเรียนการสอน วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่แบบไม่อิสระและแบบอิสระและการวิเคราะห์ เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
1. จากการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์ กำหนดจุดประสงค์ในการจัดการเรียนรู้ และกำหนดขอบเขตด้านเนื้อหา ศึกษาสภาพที่คาดหวังตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตร กับสภาพที่เป็นจริงของการจัดการศึกษาสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ พบว่า 1) ยังมีความไม่ชัดเจนของเอกสารหลักสูตร 2) การจัดการเรียนการสอนไม่ครบตามตัวชี้วัด 3) สถานศึกษากำหนดสาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ที่คาดหวังไว้มากเกินไป 4) คุณภาพผู้เรียนด้านความรู้ ทักษะความสามารถ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ จากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนคณิตศาสตร์พบว่า 1) นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์เพราะจำสูตรไม่ได้ 2) นักเรียนชอบให้ครูคอยแนะนำบ่อยๆ 3) นักเรียนให้ครูอธิบายซ้ำ 4) นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ทบทวนเนื้อหามาก่อน 5) นักเรียนใช้เวลาเรียนเนื้อหาน้อยกว่าเวลาที่ใช้ทำแบบฝึกหัด และ 6) เมื่อนักเรียนทำแบบฝึกหัดไม่ได้ นักเรียนจะเก็บไว้ หรือสอบถามเพื่อนไม่กล้าถามครู
2. รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีชื่อว่า MEPSR Model มีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน และเงื่อนไขการนํารูปแบบไปใช้ กระบวนการเรียนการสอนมี 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นสร้างแรงจูงใจ (Motivation: M) 2) ขั้นสร้างประสบการณ์ใหม่ (Experience: E) 3) ขั้นลงมือปฏิบัติ (Practice: P) 4) ขั้นปฏิบัติอย่างชำนาญ (Skillfully: S) 5) ขั้นสะท้อนคิด (Reflective Thinking: R) โดยที่รูปแบบการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (MEPSR Model) ที่พัฒนาขึ้นมานี้มีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.33/87.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
3. หลังการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอน นักเรียนมีทักษะการคิดขั้นสูง สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนพัฒนาขึ้นในช่วงเวลาระหว่างเรียน
5. ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนโดยภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด
6. ผลการขยายผล พบว่าหลังการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอน นักเรียนมีทักษะการคิดขั้นสูง สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนพัฒนาขึ้นในช่วงเวลาระหว่างเรียน และความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนโดยภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด