รายงานวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยโดยใช้
บัตรภาพ
ชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านฉลุง
ผู้วิจัย นางสาวกรรณิกา เบ็ญกาเส็ม ตำแหน่งครู
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านฉลุง ตำบลเจ๊ะบิลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล
ปี พ.ศ. 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการศึกษาการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สําหรับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมจับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชาย หญิง อายุระหว่าง 5 6 ปี ซึ่งกําลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านฉลุง จำนวน 1 คน เพื่อรับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบจับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์เป็นเวลาในการทดลอง 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 45 นาที เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ จับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์
ผลการวิจัยพบว่า
การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยหลังการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรูปแบบกิจกรรมจับคู่บัตรภาพ มีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยรวมมีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นและอยู่ในระดับดีเมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการทดลองมีคะแนนความสามารถทางทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
ความสำคัญและความเป็นมา
การจัดการศึกษาต้องเริ่มต้นตั้งแต่ช่วง 5 ปีแรกของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญมากในการ วางรากฐานบุคลิกภาพของมนุษย์ ทั้งนี้เพราะการพัฒนาบุคคลให้มีคุณภาพมีผลมาจากการส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่ปฐมวัยซึ่งเป็นวัยที่เด็กสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว การกระตุ้น ทางหู ตา จมูก ลิ้น และกาย ให้ได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส และได้เรียนรู้โดยการเล่นตั้งแต่ปฐมวัย และการได้รับความรักจากพ่อแม่จะช่วย ให้ใยประสาทในเซลล์สมองงอกงาม ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้ง่าย รู้เหตุผล คิดเป็น บนพื้นฐานการพัฒนาเด็กให้สมบูรณ์มากที่สุด เด็กเล็กๆ จะเรียนรู้ทุกอย่างในวัยที่เขายังเล็กอยู่ แต่ถ้าหากเด็กในวัยนี้ไม่ได้รับการ เอาใจใส่เมื่อพ้นวัยนี้ไปแล้วเด็กจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ด้วยความยากลำบากในบางอย่างก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้อีกเลย (เยาวพา เดชะคุปต์ 2549 : 15 )
ในการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัยอายุ 3-5 ปี จะไม่จัดเป็นรายวิชา แต่จัดในรูปของกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่นเพื่อให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เกิดความรู้ ทักษะ คุณธรรมจริยธรรมรวมทั้งเกิดการพัฒนาทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา ( กรมวิชาการ. 2546 : 39) กิจกรรมที่จัดให้เด็กแต่ละวันมีหลายรูปแบบที่เรียกแตกต่างกัน ประสบการณ์ที่จัดต้องครอบคลุมประสบการณ์สำคัญ 15ประการตามหลักสูตร จากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยอายุ 3 5 ปีตามหลักสูตรปฐมวัยพุทธศักราช 2546 ที่ผ่านมาพบว่านักเรียนปฐมวัยก่อนได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้จะมีความพร้อมทางการเรียนที่แตกต่างกัน นับแต่ปัจจัยพื้นฐานทางครอบครัว ความรู้และประสบการณ์โดยเฉพาะคุณภาพชีวิตของพ่อแม่วัยทำงานที่ทิ้งภาระหน้าที่ในการดูแลไว้กับผู้สูงอายุและผู้รับจ้างทำให้ไม่สามารถพัฒนาเด็กได้เต็มที่ และจากการจัดประสบการณ์ของครูผู้สอนไม่น่าสนใจ มีสื่ออุปกรณ์น้อย สื่อที่มีอยู่ก็เก่าไม่ทันสมัย เหตุที่เป็นดังนี้ เพราะเด็กมีความซุกซนครูจะต้องอยู่กับเด็กตลอดเวลาจึงไม่ค่อยมีเวลาในการจัดทำสื่อ ดังนั้นครูผู้สอนจึงมีส่วนสำคัญในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อให้เด็กปฐมวัยเกิดการเปลี่ยนแปลงในการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ครูผู้สอนจะผลิตเด็กให้มีคุณภาพ คือ การจัดการเรียนการสอน โดยใช้วิธีสอนใหม่ๆเพื่อนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษามาช่วยในการจัดการเรียนการสอนโดยเฉพาะการนำชุดกิจกรรมมาใช้ เป็นการนำวัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการเรียนรู้มาไว้ด้วยกัน
คณิตศาสตร์เป็นระบบการคิดของมนุษย์เพื่อศึกษาและอธิบายความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ธรรมชาติของคณิตศาสตร์มีลักษณะเป็นนามธรรม และมีระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน การออกแบบกระบวนการเรียนรู้คณิตศาสตร์ให้แก่เด็กปฐมวัยจำเป็นต้องพัฒนาจากสิ่งที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของสมองเด็ก โดยเมื่อสมองคนหาแบบแผนและสร้างความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ที่รับรู้ผ่านประสาทสัมผัสด้วยกิจกรรมที่สนุกและมีความหมายต่อเด็ก สิ่งที่เป็นนามธรรมจะพัฒนาขึ้นมาจากรูปธรรมได้โดยไม่ยากเกิดเป็นแบบแผนการเรียนรู้ที่เด็กสร้างขึ้นด้วยความเพลิดเพลิน และในปัจจุบันได้มีการจัดประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย จากการศึกษางานวิจัยพบว่า ได้มีผู้นำวิธีการสอนแบบต่างๆ มาใช้ในการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย เช่น การจัดกิจกรรมการเล่านิทานคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ขวัญนุช บุญยู่ฮง (2546) การจัดประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สรรพมงคล จันทร์ด้ง (2544) การจัดประสบการณ์แบบโครงการ เพื่อพัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ อำพวรรณ์ เนียมคำ (2545) เป็นต้น จะเห็นได้ว่าวิธีการสอนคณิตศาสตร์มีความหลากหลาย แต่ในการจัดการเรียนการสอนซึ่งพบว่ามีการกระตุ้นการเรียนรู้ด้วยความเพลิดเพลิน และความสนใจของเด็กต่อมาระยะหนึ่งได้มีผู้นำศิลปะมาใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ เช่น การจัดกิจกรรมศิลปะศิลปะการวาดภาพนอกห้องเรียนเพื่อศึกษาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็ก จิตทนาวรรณ เดือนฉาย (2541) การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เป็นกลุ่มเพื่อศึกษาพฤติกรรมทางสังคมของเด็ก กรรณิการ์ โยธาวินทร์ (2545) ศิลปะช่วยให้เด็กสื่อสารและบูรณาการประสบการณ์ที่มี เด็กสามารถผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ สังคม คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ลงในศิลปะที่เด็กแสดงออกเด็กได้เรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมและเรียนรู้อย่างอิสระ สื่อศิลปะเป็นรูปแบบโดยธรรมชาติที่ทําให้มีการแสดงออกและค้นคว้าที่นําไปสู่การเรียนรู้ของเด็กและเข้าใจโลก
ส่งเสริมให้เด็กได้สํารวจค้นคว้าเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิดริเริ่มและจินตนาการอันจะส่งผลให้เด็กมีคุณลักษณะที่สําคัญ ได้แก่ความเป็นเหตุเป็นผล รู้จักการสังเกต ซึ่งสอดคลองกับพีระพงษ์กุลพิศาลที่กล่าวว่ากิจกรรมศิลปะจะช่วยให้เด็กรู้จักสังเกตสิ่งรอบๆตัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีรูปทรง รูปร่างพื้นผิว พื้นที่ว่าง น้ำหนัก อ่อน แกของสี การที่เด็กได้วาดภาพซักภาพก็เป็นสิ่งที่ทําให้ทราบว่าเขาได้เรียนรู้แล้วมีประสบการณ์ต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวในระดับใดเป็นการเรียนรู้จากการใช้ความรู้สึกสัมผัสอย่างแท้จริง (พีระพงษ์ กุลพิศาล. 2536:9 29)
จากการที่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนระดับชั้นอนุบาล 3 มีนักเรียนจำนวน 1 คน บอกค่าของจำนวน 1 10 ไม่ได้ จึงทำให้ ไม่สามารถทำแบบฝึกหัดได้ เช่น นับจำนวน 1 20 ไม่ได้ เติมจำนวนที่ขาดหายไปไม่ได้ บอกค่าของจำนวนที่น้อยกว่า และมากกว่าไม่ได้ แทนค่าจำนวนด้วยตัวเลขไม่ได้ วาดภาพตามจำนวนที่กำหนดให้ไม่ได้ บวกและลบเลขอย่างง่ายไม่ได้ จากปัญหาที่กล่าวข้างต้นผู้วิจัยในฐานะเป็นครูประจำชั้นอนุบาลชั้นปีที่ 3 จึงจัดทำวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยโดยใช้รูปแบบกิจกรรม ศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านฉลุง เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยให้ดีขึ้น
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมจับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์
ขอบเขตของการวิจัย
ประชากรที่ศึกษา
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชาย หญิง อายุระหว่าง 5 6 ปี ซึ่งกําลังศึกษาอยู่
ในชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านฉลุง จำนวน 1 คน โดยเลือกแบบเฉพาะเจาะจง
ระยะเวลาในการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลองซึ่งจัดทําใน ปีการศึกษา 2565 ใช้เวลาในการทดลอง 4 สัปดาห์ๆละ 3 วัน วันละ 45 นาที
ตัวแปรที่ศึกษา
1. ตัวแปรอิสระ ได้แก่ รูปแบบกิจกรรมจับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์
2. ตัวแปรตาม ได้แก่ ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ดังนี้
2.1. การนับปากเปล่า 1 20
2.2. การรู้ค่ารู้จํานวน 1 20
2.3. การเพิ่ม ลด ภายในจํานวน 1 20
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กนักเรียนชาย หญิง อายุระหว่าง 5 6 ปีที่กําลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านฉลุง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล
2. ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ หมายถึง ความสามารถที่เป็นพื้นฐานการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยจําแนกเป็น 3 ด้านดังนี้
2.1 การนับปากเปล่า 1 20 หมายถึง ความสามารถในการนับเลข 1 ถึง 2หรือ 1 ถึง 10 หรือ 1 ถึง 20 ตามอายุเด็ก
2.2 การรู้ค่ารู้จํานวน หมายถึง ความสามารถในการเรียงลําดับ มากไปน้อย หรือน้อยไปมากลําดับที่ 1 ลําดับที่ 2 เป็นต้น
2.3 การเพิ่ม การลด ภายในจํานวน 1 20 หมายถึง การอ่านค่าเงินบาท เหรียญ ธนบัตร อ่านป้ายราคา การประเมินเงิน การเพิ่มเป็นการรวมจํานวน รวมกลุ่ม มากขึ้น การลดได้แก่การแบ่งการแยก การนําออก น้อยลง
3. กิจกรรมการจับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์ หมายถึง การปฏิบัติการสอนของครูที่ใช้รูปแบบการจับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์
สมมุติฐานการวิจัย
เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดรูปแบบกิจกรรมการจับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์ มีการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ก่อนและหลังการทดลองแตกต่างกัน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. แผนการจัดกิจกรรมจับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์
2. บัตรภาพ
วิธีดําเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้ดําเนินการทดลองมีลําดับขั้นตอนดังนี้
1. ผู้วิจัยทำการประเมินด้วยบัตรภาพคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
ก่อนทดลองกับกลุ่มทดลอง เป็นเวลา 3 วัน ได้แก่ในวันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันละ 45 นาที
2. ผู้วิจัยดำเนินการทดลองด้วยการจัดกิจกรรมจับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์กับกลุ่มทดลอง 45 นาที โดยทดลองสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 15 นาที ในช่วงเวลา 09.00 - 09.45 น.
3. ผู้วิจัยดําเนินการทดลองครบสัปดาห์ที่ 4 ผู้วิจัยทําการทดสอบให้จับคู่บัตรภาพคณิตศาสตร์ชุดเดียวกับที่ใช้ทดสอบครั้งแรกก่อนการทดลอง และนํามาตรวจคะแนนตามเกณฑ์ที่กําหนดไว้
4. ผู้วิจัยดําเนินการทดลองครบสัปดาห์ที่ 4 ผู้วิจัยทําการทดสอบบัตรภาพคณิตศาสตร์หลังเสร็จสิ้นการทดลองเพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
สรุปผลการวิจัย
ภายหลังจากการแก้ไขพฤติกรรมของเด็กชายวัฒนธ์กร ชุมวงศ์ โดยการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยใช้บัตรภาพ พบว่าเด็กชายวัฒนธ์กร ชุมวงศ์ มีพฤติกรรมการเรียนรู้ดีขึ้น สามารถรู้จักตัวเลข จำนวนของตัวเลข การนับจำนวนมากขึ้น
ข้อเสนอแนะ
1. ควรมีการศึกษาการนำกิจกรรมที่หลากหลาย ไปใช้ในการแก้ไขปัญหา ด้านต่างๆ
2. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผลการจัดกิจกรรมคณิตศาสตร์กับการจัดกิจกรรม รูปแบบอื่นๆ เพื่อนำผลที่ได้มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาเด็กนับเลขไม่ถูก
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำวิจัย
1. นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้ดีขึ้น
2. นักเรียนนำทักษะที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
แผนการจัดประสบการณ์ทักษะทางคณิตศาสตร์
เรื่องการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยใช้บัตรภาพ
ความคิดรวบยอด
เด็กสามารถนับเลขได้ 1-20 เด็กรู้จักตัวเลข 1-20 เด็กสามารถบอกครูได้ว่าตัวเลขที่ครูชูบัตรภาพขึ้นมาให้เด็กๆดูเป็นเลขอะไร
จุดประสงค์
1. เด็กสามารนับตัวเลข 1- 20 ได้
2. เด็กสามารถนับจำนวนในบัตรภาพที่ครูชูให้ดูได้
3. เด็กสามารถจับคู่ตัวเลขกับบัตรภาพได้
กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำ
1. ครูอธิบายจำนวนตัวเลขกับจำนวนภาพ
2.ครูให้เด็กนับนิ้วของตัวเอง
ขั้นสอน
1. ครูนำบัตรภาพกับตัวเลข 1- 20 มาชูให้เด็กดูและให้เด็กอ่านตามครู ครูชูตัวเลขมา 1 บัตร แล้วให้เด็กบอกว่านี้คือเลขอะไร
2. หลังจากนั้นครูสาธิตวิธีการเล่นสื่อ จับคู่บัตรภาพกับจำนวนตัวเลข ให้เด็กๆดู
3. ครูให้เด็กจับคู่ภาพจำนวน 1-20
ขั้นสรุป
1.ครูให้เด็กอ่านจำนวนตัวเลขจากบัตรภาพตัวเลข 1- 20 ที่ตัวเองเรียง
สื่อ
1. บัตรภาพ 1-20
2. บัตรจำนวนตัวเลข 1 -20
การประเมินผล
1. สังเกตการณ์นับเลข 1 20 ของเด็ก
2. สังเกตการเล่นสื่อ จับคู่บัตรภาพกับจำนวน