บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
การประเมินครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลของประเมินโครงการพัฒนากระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการคิด ขั้นพื้นฐานของเด็กปฐมวัย โรงเรียนเทศบาล ๒ วัดเกษมสรณาราม (วงศ์ประชานุเคราะห์) 4 ด้านตามรูปแบบ CIPPIEST ได้แก่ 1) ด้านบริบท 2) ด้านปัจจัยนำเข้า
3) ด้านกระบวนการ 4) ด้านผลผลิต โดยพิจารณารวมอีก 4 ด้าน คือ 4.1) ด้านผลกระทบ 4.2) ด้านประสิทธิผล 4.3) ด้านความยั่งยืน และ 4.4) ด้านการถ่ายโยงความรู้ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในประเมิน เป็นครู จำนวน 5 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน นักเรียนชั้นปฐมวัยปีที่ 1-3 จำนวน 57 คน และผู้ปกครองนักเรียน ชั้นปฐมวัยปีที่ 1-3 จำนวน 57 คน รวมจำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น 126 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Five Rating Scales) โดยประเมินความเหมาะสมมากที่สุดถึงน้อยที่สุด จำนวน 3 ฉบับ ฉบับที่ 1 สำหรับครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สอบถามความคิดเห็น ที่มีต่อประเด็นคำถามเกี่ยวกับด้านบริบท ด้านปัจจัยนำเข้า และด้านกระบวนการ ฉบับที่ 2 สำหรับครู นักเรียน และผู้ปกครอง สอบถามความคิดเห็นที่มีต่อประเด็นคำถามเกี่ยวกับด้านผลผลิต คือ ทักษะการคิดขั้นพื้นฐานของเด็กปฐมวัย และฉบับที่ 3 สำหรับครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครอง สอบถามความคิดเห็นที่มีต่อประเด็นคำถามเกี่ยวกับด้านผลผลิตที่พิจารณารวมถึง ผลกระทบ ประสิทธิผล ความยั่งยืน และการถ่ายโยงความรู้ ผู้ประเมินเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (ค่ามิว) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (ค่าซิกม่า) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการประเมินพบว่า
1. ด้านบริบท (Context) พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า หลักการและเหตุผลของโครงการสอดคล้องกับนโยบายของกรม
ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมา คือ แนวทางการดำเนินโครงการมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปัญหาของเด็กปฐมวัยและการจัดกระบวนการจัดประสบการณ์ของครู และข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้ายคือ การประเมินผลโครงการและตัวชี้วัดความสำเร็จ มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ
2. ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า มีการตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการ และมอบหมายงานเหมาะสมกับความรู้ ความสามารถ ของบุคลากร มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือ มีการฝึกอบรมให้ความรู้ในบทบาทหน้าที่และแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการอย่างดี และข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้ายคือ มีการประสานงานกับผู้ปกครองและชุมชน ในด้านแหล่งเรียนรู้ภายนอก และภูมิปัญญาต่างๆ เพื่อมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการ
3. ด้านกระบวนการ (Process) พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
ของครูผู้สอนเป็นไปตามแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ รองลงมามีค่าเฉลี่ยเท่ากันคือ การจัดฝึกอบรมให้ความรู้ เรื่องกระบวนการจัดกิจรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และทักษะการคิดขั้นพื้นฐานของเด็กปฐมวัย และการออกแบบแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย คือ มีงบประมาณในการดำเนินการที่เพียงพอ
4. ด้านผลผลิต (Product) พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ทักษะการสังเกต มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือ การจัดลำดับ ทักษะการจัดหมวดหมู่ ทักษะการจำแนก ทักษะการเชื่อมโยง และทักษะการให้เหตุผล และข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย คือทักษะการตีความ
4.1 ด้านผลกระทบ (Impact) พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการตามหลักสูตรสูงขึ้น มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมา คือ ครูมีสื่อ นวัตกรรม และเครื่องมือที่เกี่ยวกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างหลากหลาย และสร้างสรรค์ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย คือ เด็กปฐมวัยมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงขึ้น
4.2 ด้านประสิทธิผล (Effective) พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณา รายข้อ พบว่า ครูมีแผนการจัดประสบการณ์ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่หลากหลาย มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมา คือ โรงเรียนมีนวัตกรรมที่เกิดจากการจัดกระบวนการเรียนการสอนของครูและเด็กปฐมวัย และข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย คือ ผู้ปกครอง มีความพึงพอใจต่อกระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครู และผู้ปกครองมีความพึงพอใจ ต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะการคิดพื้นฐานของเด็กปฐมวัยมีค่าเฉลี่ยเท่ากัน
4.3 ด้านความยั่งยืน (Sustainability) พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อ พิจารณารายข้อ พบว่า เด็กปฐมวัยมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครู รองลงมา คือ ครูผู้สอนสามารถสร้างสรรค์สื่อ และนวัตกรรม เพื่อจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย คือ ครูผู้สอนสามารถนำความรู้ และแนวคิดจากกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) มาพัฒนาเป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนใหม่ ที่สอดคล้องกับวัยพัฒนาการของเด็กปฐมวัยได้อย่างหลากหลาย
4.4 ด้านการถ่ายโยงความรู้ (Transportability) พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า โรงเรียนเป็นสถานที่ศึกษาดูงานการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ระดับปฐมวัย ให้กับโรงเรียนทั้งในและนอกสังกัด รองลงมาคือ เด็กปฐมวัยมีทักษะการคิดขั้นพื้นฐานในการเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรียนและหน่วยงานอื่น และข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย คือ ครูได้เป็นวิทยากรฝึกอบรมการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ให้กับโรงเรียนทั้งในและนอกสังกัด