ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อสำรวจสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ 2) เพื่อศึกษาลักษณะของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ที่เหมาะสมต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา และความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) เพื่อศึกษาผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นที่มีต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 4) เพื่อศึกษาผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่มีต่อการพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ รายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 5) เพื่อศึกษาผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ที่มีต่อการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 6) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 7) เพื่อศึกษาผลการใช้ซ้ำของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นที่มีต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 8) เพื่อศึกษาผลการใช้ซ้ำของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่มีต่อการพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ รายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 9) เพื่อศึกษาผลการใช้ซ้ำของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ที่มีต่อการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา รายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 10) เพื่อศึกษาผลการใช้ซ้ำของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีต่อความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบวิจัยและพัฒนา (Research and Development; R&D) จำนวน 3 วงรอบ (Loops)

วงรอบที่ 1 (R1D1) ในการวิจัยในวงรอบนี้ ผู้วิจัยใช้การวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Method) ซึ่งประกอบไปด้วยวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ประชากรในการวิจัยวงรอบนี้ คือ ครูโรงเรียนลืออำนาจวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ จำนวน 38 คน โดยเก็บข้อมูลจากประชากรทั้งหมด และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนลืออำนาจวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวนรวมทั้งสิ้น 87 คน จำนวน 2 ห้อง โดยเก็บข้อมูลจากประชากรทั้งหมด ส่วนวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยใช้การวิจัยแบบการสนทนากลุ่มที่มีประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ ที่อยู่ในชุมชนการเรียนรู้ในวิชาชีพ (PLC) โรงเรียนลืออำนาจวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานีอำนาจเจริญ จำนวน 8 คน เป็นครูเพศชาย จำนวน 1 คน และครูเพศหญิง จำนวน 7 คน ส่วนนักเรียนเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เคยมีประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ จำนวน 6 คน โรงเรียนลืออำนาจวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานีอำนาจเจริญ เป็นนักเรียนเพศชาย จำนวน 3 คน และนักเรียนเพศหญิง จำนวน 3 คน โดยคละความสามารถทางการเรียนรู้ เก่ง ปานกลาง และอ่อน

วงรอบที่ 2 (R2D2) ในการวิจัยในวงรอบนี้ ผู้วิจัยใช้การวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Method) ซึ่งประกอบไปด้วยวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงทดลองแบบการศึกษากลุ่มเดียวและวัดก่อน-หลังการทดลอง (One-Group Pretest-Posttest Design) เนื่องจากผู้วิจัยได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบสอนนักเรียนเพียงหนึ่งห้องเรียน ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 46 คน โรงเรียนลืออำนาจวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย แบบวัดทักษะการคิดสร้างสรรค์ ก่อนเรียนและหลังการใช้รูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แบบวัดทักษะการแก้ปัญหา ก่อนและหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ ประเมินให้คะแนนใบกิจกรรมวัดทักษะการคิดสร้างสรรค์ ประเมินให้คะแนนใบกิจกรรมวัดทักษะการแก้ปัญหา และสำรวจด้วยแบบประเมินความ พึงพอใจหลังใช้รูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยเก็บข้อมูลในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพแบบพหุกรณีศึกษา ( Multi - case Study) นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีผลการเรียนในระดับเก่ง ปานกลาง และอ่อน คละเพศชายและหญิง รวมจำนวน 6 คน โดยเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนเก่งจำนวน 2 คน นักเรียนที่มีผลการเรียนปานกลางจำนวน 2 คน และนักเรียนที่มีผลการเรียนอ่อน จำนวน 2 คน ในโรงเรียนลืออำนาจวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ การเก็บข้อมูลรายกรณีศึกษาในเชิงลึกเพื่อแสดงพัฒนาการของนักเรียนในด้านผลสัมฤทธิ์ ด้านทักษะการคิดสร้างสรรค์ ด้านทักษะการแก้ปัญหา เป็นรายบุคคล โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัดทักษะการคิดสร้างสรรค์ แบบวัดทักษะการแก้ปัญหา การตรวจใบกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ บันทึกผลคะแนน ทำตารางบันทึกคะแนนในแต่ละด้านเพื่อแสดงพัฒนาการด้านต่างๆ เป็นรายกรณีศึกษา การสังเกตพฤติกรรมขณะปฏิบัติกิจกรรมในห้องเรียน และการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการเพื่อติดตามพัฒนาการของนักเรียนกรณีศึกษา

วงรอบที่ 3 (R3D3) ผู้วิจัยใช้การวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Method) ซึ่งประกอบไปด้วยวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนลืออำนาจวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ จำนวน 44 คน ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยเครื่องมือวิจัยชุดเดียวกับ R2 โดยใช้กระบวนการเก็บข้อมูลเช่นเดียวกับ R2 โดยเก็บข้อมูลในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพแบบพหุกรณีศึกษา นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีผลการเรียนในระดับเก่ง ปานกลาง และอ่อน คละเพศชายและหญิง รวมจำนวน 6 คน

เครื่องมือวิจัยที่ใช้ในวงรอบที่ 1 (R1D1) ได้แก่ 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการของครู เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ แบ่งเป็น 3 ตอน จำนวนรวมทั้งสิ้น 28 ข้อ 2)แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการของนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ แบ่งเป็น 3 ตอน จำนวนรวมทั้งสิ้น 26 ข้อ 3) แบบวิเคราะห์เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ 4) แบบบันทึกการสนทนากลุ่มครูเป็นข้อคำถามสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ประกอบด้วยคำถามสัมภาษณ์ จำนวน 6 ข้อ และ 5) แบบบันทึกการสนทนากลุ่มนักเรียน เป็นคำถามปลายเปิด จำนวน 5 ข้อ โดยแบ่งประเด็นคำถามเป็น 3 ด้าน ซึ่งการสัมภาษณ์เป็นแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured Interview) ประกอบด้วยคำถามสัมภาษณ์ จำนวน 5 ข้อ

เครื่องมือวิจัยที่ใช้ในวงรอบที่ 2 และรอบที่ 3 (R2D2 & R3D3) ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 20 ข้อ 2) แบบวัดทักษะการคิดสร้างสรรค์ จำนวน 6 กิจกรรม 3) แบบวัดทักษะการแก้ปัญหา จำนวน 3 กิจกรรม และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจในการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลโดยเชิงปริมาณใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) คือ ค่าเฉลี่ย (μ) ค่าความแปรปรวน (σ) ในการวิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการของครู เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ และแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการของนักเรียน เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ ทดสอบการแจกแจงปกติของคะแนนด้วยสถิติ Kolmogorov-Smirnov Test ในการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการคิดสร้างสรรค์ และทักษะการแก้ปัญหา และ ใช้สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) คือ Paired sample t-test ในการเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังเรียนทักษะการคิดสร้างสรรค์, One sample t-test ในการประเมินความพึงพอใจในการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม และสถิติแบบนอนพาราเมตริก Wilcoxon Signed Rank Test ในการเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังเรียนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังเรียนทักษะการแก้ปัญหา เนื่องจากคะแนนไม่มีการแจกแจงปกติ

ผลการวิจัยพบว่า

1. จากสำรวจสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ของครู พบว่า ครูมีระดับความคิดเห็นในด้านสภาพปัจจุบัน เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก (ค่าเฉลี่ย = 4.37, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.64) โดยมีระดับความคิดเห็นสูงสุดสามลำดับแรก คือ ท่านเห็นความสำคัญของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการสร้างสรรค์และผู้บริหารเห็นความสำคัญของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ (ค่าเฉลี่ย = 4.53, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.57) รองลงมา คือ ประเด็นท่านพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ (ค่าเฉลี่ย = 4.47, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.62) และประเด็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ มีประโยชน์ในการพัฒนานักเรียน (ค่าเฉลี่ย = 4.47, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.62)

ในด้านปัญหา เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย= 3.59, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 1.03) โดยมีระดับความคิดเห็นสูงสุดสามลำดับแรก คือ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ใช้เวลานานเกินไป (ค่าเฉลี่ย= 3.96, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 1.27) รองลงมาคือ ประเด็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ไม่เหมาะกับโรงเรียนของท่าน (ค่าเฉลี่ย = 3.76, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.77) และประเด็นสถานศึกษายังไม่พร้อมต่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ (ค่าเฉลี่ย = 3.70, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 1.14)

ในด้านความต้องการ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ โดยภาพรวม อยู่ในระดับ มากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.59, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.49) โดยมีระดับความคิดเห็นสูงสุดสามลำดับแรก คือ ท่านต้องการพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ (ค่าเฉลี่ย = 4.77, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.43) รองลงมา คือ ประเด็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์สมควรได้รับการประยุกต์ใช้ในวงกว้าง (ค่าเฉลี่ย = 4.70, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.46) และประเด็นท่านต้องการให้มีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ในห้องเรียนของท่านต่อไปและผู้เรียนของท่านต้องการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ (ค่าเฉลี่ย = 4.70, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.46)

และเมื่อมีการสนทนากลุ่มพบว่า สภาพปัจจุบันในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์มี 3 ประเด็นหลักคือ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์เน้นการลงมือฝึกปฏิบัติ ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ และต้องอาศัยเวลาบ่มเพาะ ช่วงระยะเวลาพอสมควร จนเกิดความเคยชินในการคิด

ในด้านปัญหา จากการสนทนากลุ่มครูพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ที่พบบ่อยครั้งคือ ผู้เรียนไม่กล้าตอบคำถาม, กลัวคำตอบผิด และถูกจำกัดความคิด

ในด้านความต้องการในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ พบ 3 ประเด็น คือ ควรเพิ่มเทคนิควิธีบูรณาการเพื่อกระตุ้นควานใจของผู้เรียน ควรจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ต่อไป เพื่อเป็นการเสริมสร้างทักษะการคิดอย่างต่อเนื่องเพื่อเกิดผลลัพธ์ที่ดีกับนักเรียน ซึ่งจะเกิดขึ้นแน่นอนในระยะเวลาที่เหมาะสม และในการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นักเรียนมีความคิดเป็นของตนเอง มีอิสระทางความคิด ไม่ชอบการตีกรอบแนวคิด มีความเชื่อมั่นในตนเองพร้อมในทุกสถานการณ์ ดังนั้นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ควรพัฒนาควบคู่กันไปคือ ทักษะการแก้ปัญหา

2. จากการสำรวจสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน พบว่านักเรียนมีระดับความคิดเห็นในด้านสภาพปัจจุบันเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 3.85, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.67) โดยมีระดับความคิดเห็นสูงสุดสามลำดับแรก คือ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์พัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนได้ (ค่าเฉลี่ย = 4.07, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.66) รองลงมา คือ ประเด็นครูเห็นความสำคัญของการจัดการเรียนรู้เน้นการสร้างสรรค์ (ค่าเฉลี่ย = 4.06, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.55) และประเด็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนได้ (ค่าเฉลี่ย = 3.94, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.65)

ในด้านปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ โดยภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย = 2.78, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.79) โดยมีระดับความคิดเห็นสูงสุดสามลำดับแรก คือ นักเรียนมีความยากลำบากในการพัฒนาชิ้นงานในการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ (ค่าเฉลี่ย = 3.62, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.61) รองลงมา คือ ประเด็นโรงเรียนขาดแคลนสื่อ/วัสดุอุปกรณ์เพื่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ (ค่าเฉลี่ย =2.95, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.91) และประเด็นนักเรียนมีศักยภาพน้อยไม่เหมาะสมต่อจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ (ค่าเฉลี่ย = 2.86, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.91)

ในด้านความต้องการเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 3.53, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.74) โดยมีระดับความคิดเห็นสูงสุดสามลำดับแรก คือ นักเรียนต้องการให้มีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ในโรงเรียนต่อไป (ค่าเฉลี่ย = 4.36, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.74) รองลงมา คือ ประเด็นนักเรียนต้องการให้มีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ผสมผสานกับเทคนิคการจัดการเรียนรู้อื่นด้วย (ค่าเฉลี่ย = 4.33, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.72) และประเด็นนักเรียนต้องการการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ในโรงเรียนต่อไป (ค่าเฉลี่ย = 4.21, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.79)

และจากการสนทนากลุ่มนักเรียนที่เคยจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ พบว่าสภาพปัจจุบัน นักเรียนมีความคิดเห็น 3 ประเด็นคือ 1) การจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ มีลักษณะการเรียนรู้คือ กำหนดสถานการณ์ ค้นคว้า ลงมือปฏิบัติ แบ่งกลุ่ม มีสื่อเหมาะสม ใช้การเรียนรู้จากสภาพจริงหรือเชื่อมโยงชีวิตประจำวัน ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยคำถามปลายเปิด มีกระบวนการในการคิดเป็นลำดับขั้นตอน ภาระงานที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม 2) การจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์มีความเหมาะสมกับความแตกต่างระหว่างบุคคล เหมาะสมกับบริบทโรงเรียน มีสื่อส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ พัฒนาทักษะการคิดได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ครูไม่ตัดสินถูกผิด ถามเพื่อให้เห็นแนวทางการหาคำตอบ และประเด็นที่ 3) ความรู้สึกต่อการเรียนที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ โดยการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ มีอิสระในการคิด ไม่ถูกตีกรอบจึงไม่กดดันในการทำงานหรือทำภาระงานที่ได้รับมอบหมาย มีความประทับใจในผลงานของกลุ่ม ซึ่งขณะทำงานจะมีเป้าหมายเดียวกัน มีความมุ่งมั่นเพื่อให้งานสำเร็จ

ในด้านปัญหา พบว่า ในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ คือ นักเรียนไม่กล้าแสดงออก กลัวการถูกตำหนิจากเพื่อนหรือครู เมื่อทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มักเจอข้อขัดแย้งกันภายในกลุ่ม ไม่มั่นใจในตนเอง ตัดสินใจเลือกวิธีหรือรูปแบบได้ยากลำบาก บางคนนักเรียนรู้สึกว่าคิดอะไรได้ช้า ไม่ชัดเจน

ในด้านความต้องการ พบว่า ควรจัดการเรียนรู้ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ต่อไป โดยบูรณาการกับเทคนิควิธีอื่นที่ช่วยส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง ทั่วไปใช้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ ควรอธิบายภาระงานให้ชัดเจน มีสื่อจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมความแตกต่างระหว่างบุคคล

3. ผู้วิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยใช้ผลการวิจัยที่ได้จาก R1 ในวงรอบที่ 1 มาพัฒนา ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการและแนวคิด 2) วัตถุประสงค์ 3) ขั้นตอน และ 4) การวัดผลประเมินผล

องค์ประกอบที่ 1 หลักการและแนวคิด

รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม พัฒนาจาก 2 แนวคิดคือ 1) การจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity-based Learning : CBL) และ 2) กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม (Engineering Design Process : EDP) เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญแบบ Active Learning มุ่งกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างหลากหลาย พัฒนาทักษะกระบวนการคิด การค้นคว้า การนำเสนอ การทำงานเป็นกลุ่มอย่างสร้างสรรค์ และการประเมินผลที่หลากหลาย นักเรียนได้คิด ลงมือปฏิบัติสร้างสรรค์ผลงานด้วยกระบวนการกลุ่ม สำหรับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม (Engineering Design Process : EDP) คือขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ที่นักเรียนนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์มาออกแบบการแก้ไขปัญหาหรือตอบสนองความต้องการที่เปิดกว้างและเน้นความคิดสร้างสรรค์รวมไปถึงการแก้ไขปรับปรุงจากความล้มเหลว โดยอาศัยการทำงานเป็นทีม เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา วางแผนออกแบบ สร้างแบบจำลอง จนถึงขั้นทดลองใช้

องค์ประกอบที่ 2 วัตถุประสงค์

รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพรูปแบบ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา และศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

องค์ประกอบที่ 3 ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้

รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยวิเคราะห์ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ซึ่งมีขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 8 ขั้นตอนดังนี้

1. กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจการสร้างสรรค์

2. ระบุปัญหาที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน

3. แบ่งกลุ่มศึกษาค้นคว้าเพื่อการสร้างสรรค์

4. พัฒนาแนวทางแก้ปัญหา

5. สร้างผลงานด้วยกระบวนการเชิงวิศวกรรม

6. ทดสอบ ประเมิน และปรับปรุงผลงาน

7. นำเสนอผลงานสร้างสรรค์

8. ประเมินผลอย่างสร้างสรรค์

องค์ประกอบที่ 4 การวัดและประเมินผล

ใช้วิธีการวัดผลและประเมินผลตามสภาพจริงตามรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม คือ มีการวัดผลก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียนด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย วัดหลายด้านทั้งด้านความรู้ เช่น แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใบกิจกรรม วัดทักษะการคิดสร้างสรรค์ เช่น แบบวัดทักษะการคิดสร้างสรรค์ การออกแบบใบกิจกรรม การนำเสนอ วัดทักษะการแก้ปัญหา เช่น แบบวัดทักษะการแก้ปัญหา การแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่กำหนด และวัดความพึงพอใจของนักเรียนในการจัดการเรียนรู้ โดยเกณฑ์ในการให้คะแนนจะเป็นแบบมาตราส่วน (Scoring Rubric) ในส่วนความรู้หรือเนื้อหา จะให้คะแนนเป็นผิดให้ 0 ถูกให้ 1 โดยผลการประเมินคุณภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านความเหมาะสม ค่าเฉลี่ย 5.00 อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความสอดคล้อง ค่าเฉลี่ย 5.00 อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความเป็นไปได้ ค่าเฉลี่ย 5.00 อยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความมีประโยชน์ ค่าเฉลี่ย 5.00 อยู่ในระดับมากที่สุด

ทั้งนี้ได้สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม จำนวน 2 แผนๆ ละ 16 คาบรวมใช้เวลาจัดการเรียนรู้ทั้งสิ้น 32 คาบไม่รวมทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน มีการประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน โดยมีประเด็นการประเมินจำนวน 20 ข้อ มีผลการประเมินอยู่ระหว่าง 4.60 – 5.00 และภาพรวมอยู่ในระดับคุณภาพ มากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.88)

4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

5. ทักษะการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

6. ทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

7. ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความพึงพอใจสูงกว่าระดับมาก (ค่าเฉลี่ยสูงกว่า 3.51) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

8. เมื่อใช้ซ้ำผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

9. เมื่อใช้ซ้ำทักษะการคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

10. เมื่อใช้ซ้ำทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

11. เมื่อใช้ซ้ำความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบสร้างสรรค์เป็นฐานบูรณาการกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความพึงพอใจสูงกว่าระดับที่มาก (ค่าเฉลี่ยสูงกว่า 3.51) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

โพสต์โดย ครูแป๋ม : [14 ส.ค. 2566 เวลา 07:09 น.]
อ่าน [2885] ไอพี : 1.1.246.130
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 19,151 ครั้ง
กำราบหวัดร้ายด้วยฟ้าทะลายโจร
กำราบหวัดร้ายด้วยฟ้าทะลายโจร

เปิดอ่าน 13,977 ครั้ง
ลูกน้อยทานยาลดไข้หลายวัน เป็นอันตรายไหม
ลูกน้อยทานยาลดไข้หลายวัน เป็นอันตรายไหม

เปิดอ่าน 17,980 ครั้ง
จวกยับเนื้อหาวิชาสังคมฯ ม.4-6 ไม่ตรงข้อเท็จจริง
จวกยับเนื้อหาวิชาสังคมฯ ม.4-6 ไม่ตรงข้อเท็จจริง

เปิดอ่าน 51,383 ครั้ง
ฟุตปาธ-บาทวิถี : ภาษาไทยน่ารู้
ฟุตปาธ-บาทวิถี : ภาษาไทยน่ารู้

เปิดอ่าน 15,857 ครั้ง
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2552
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2552

เปิดอ่าน 29,016 ครั้ง
วิวัฒนาการของ "บัตรประจำตัวประชาชน"
วิวัฒนาการของ "บัตรประจำตัวประชาชน"

เปิดอ่าน 15,310 ครั้ง
"ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลแค่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือครู" ปาถกฐาพิเศษ รศ.นราพร จันทร์โอชา เรื่องการศึกษาทางไกลเพื่อการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม
"ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลแค่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือครู" ปาถกฐาพิเศษ รศ.นราพร จันทร์โอชา เรื่องการศึกษาทางไกลเพื่อการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม

เปิดอ่าน 37,127 ครั้ง
เด็กๆ ควรใช้นิ้วมือในการนับเลขหรือไม่
เด็กๆ ควรใช้นิ้วมือในการนับเลขหรือไม่

เปิดอ่าน 25,062 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาแล้ว ปฏิรูปการลูกเสือด้วยครับ โดย จารึก อะยะวงศ์
ปฏิรูปการศึกษาแล้ว ปฏิรูปการลูกเสือด้วยครับ โดย จารึก อะยะวงศ์

เปิดอ่าน 97,582 ครั้ง
หลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์
หลักเกณฑ์การอยู่เวรรักษาการณ์

เปิดอ่าน 47,947 ครั้ง
หลักเกณฑ์การเขียนคำย่อ (ใหม่)
หลักเกณฑ์การเขียนคำย่อ (ใหม่)

เปิดอ่าน 15,126 ครั้ง
ระบบสุริยะอาจสูญสลาย! เมื่อนักดาราศาสตร์พบปรากฏการณ์ "ดาวมรณะ" กลืนดาวบริวาร
ระบบสุริยะอาจสูญสลาย! เมื่อนักดาราศาสตร์พบปรากฏการณ์ "ดาวมรณะ" กลืนดาวบริวาร

เปิดอ่าน 14,695 ครั้ง
วิธีทำให้ความจำดีขึ้น
วิธีทำให้ความจำดีขึ้น

เปิดอ่าน 13,250 ครั้ง
จะให้ลูกเก่งเลข ต้องออกกำลัง
จะให้ลูกเก่งเลข ต้องออกกำลัง

เปิดอ่าน 4,399 ครั้ง
"ไข่มดแดง" โปรตีนสูง-ไขมันต่ำ กรมอนามัยแนะ เลี่ยงกินสุก ๆ ดิบ ๆ เสี่ยงท้องร่วง
"ไข่มดแดง" โปรตีนสูง-ไขมันต่ำ กรมอนามัยแนะ เลี่ยงกินสุก ๆ ดิบ ๆ เสี่ยงท้องร่วง

เปิดอ่าน 19,472 ครั้ง
3 แนวทาง"พลิกโฉม"คุณภาพการศึกษาไทยสู่มาตรฐานสากล
3 แนวทาง"พลิกโฉม"คุณภาพการศึกษาไทยสู่มาตรฐานสากล
เปิดอ่าน 29,392 ครั้ง
SCORM (Shareable Content Object Reference Model)
SCORM (Shareable Content Object Reference Model)
เปิดอ่าน 13,479 ครั้ง
"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013
"มัลเบอร์รี่" ผลไม้สุดเทรนดี้ ประจำปี 2013
เปิดอ่าน 35,236 ครั้ง
ลายมือของคนจะสบายตอนบั้นปลาย
ลายมือของคนจะสบายตอนบั้นปลาย
เปิดอ่าน 19,694 ครั้ง
ว28/2555 การปรับปรุงมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ว28/2555 การปรับปรุงมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ