ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อ ส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้วิจัย นางสาวสมาพร สืบค้า
หน่วยงาน โรงเรียนปรางค์ทองวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน และปัญหาในการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ดังนี้ (1) หาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน (3) เปรียบเทียบการอ่านอย่างมีวิจารณญาณระหว่างเรียนกับหลังเรียน และ 4) การประเมินความพึงพอใจ และรับรองรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยที่โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนปรางค์ทองวิทยา อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยของการสุ่ม เนื่องจากการจัดห้องเรียนใช้ระบบคละความสามารถของนักเรียนที่ใกล้เคียงกัน (เก่ง ปานกลาง อ่อน) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่
1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามขั้นตอนรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเอง 2) แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเอง 3 ) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชา เสริมทักษะภาษาไทย และ 4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเอง สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเชื่อมั่น และ การใช้สถิติ t-test
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาภาพปัจจุบัน และปัญหาในการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย พบว่า ครูส่วนใหญ่จัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนแบบบรรยายเป็นหลัก เน้นการจัดการเรียนรู้โดยให้นักเรียนทำความเข้าใจความคิดรวบยอดในเนื้อหาบทเรียน กระบวนการเรียนรู้ไม่สนับสนุนให้นักเรียนฝึกคิดสังเคราะห์ เชื่อมโยงความรู้และสร้างความรู้ด้วยตนเอง ขาดการสรุปความรู้ และต่อยอดความคิดไม่เน้นให้คิดวิธีการหาคำตอบที่หลากหลาย หาความคิดใหม่น่าสนใจ หรือหาแนวทางในการหาคำตอบที่แตกต่างด้วยวิธีการใหม่ นักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีความมั่นใจตนเอง ขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในชั้นเรียน นักเรียนไม่กล้าคิด ไม่กล้าถาม การจัดบรรยากาศการเรียนรู้ไม่เอื้อต่อการให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ ได้คิดและแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ เนื้อหาในการจัดการเรียนรู้มีมาก และเนื้อหาค่อนข้างยาก แต่มีเวลาจำกัดในการจัดการเรียนการสอนการทำกิจกรรมกลุ่ม และครูยังไม่ได้ออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่ดีพอ อาจไม่สอดคล้องกับความต้องการและความแตกต่างระหว่างบุคคล ด้านปัญหา ด้านนักเรียนนั้น นักเรียนยังขาดความกระตือรือร้น ไม่มีเป้าหมายในการเรียนรู้ ขาดความสนใจใฝ่รู้ ขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้พหุปัญญาเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ มีองค์ประกอบ ดังนี้ 1) หลักการ แนวคิด ทฤษฎีพื้นฐาน 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 4) ระบบสังคม 5) หลักการตอบสนอง และ 6) ระบบสนับสนุน โดยมีขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 5 ขั้น ประกอบด้วย 1) ขั้นการกระตุ้นความสนใจ 2) ขั้นการเรียนรู้ 3) ขั้นการลงมือปฏิบัติ และ 4) ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ 5) การประเมินผลและเชื่อมโยงความรู้ และมีประสิทธิภาพ (E1/E2) จากการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ไปทดลองใช้เท่ากับ 84.91/81.25 ซึ่งเป็นตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
3. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเอง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า รูปแบบมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 85.06/85.58 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80/80 นักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเอง มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการประเมินเพื่อรับรองรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเอง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผลการวิเคราะห์การประเมินเพื่อรับรองรูปแบบจากผู้ที่เกี่ยวข้อง พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และสามารถนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพและความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีพหุปัญญาเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณและความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.52