|
|
บทสรุปผู้บริหาร
ปัจจุบันสังคมแห่งศตวรรษที่ 21 มีความล้ำสมัยของเทคโนโลยี ส่งผลต่อความรวดเร็วในการรับข้อมูลและการสื่อสาร ทำให้สังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม ตลอดจนความคิดและความเชื่อของคนในสังคม จำเป็นต้องตั้งรับกับการมีวิถีชีวิตยุคใหม่อย่างมีวิจารณญาณ ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากนี้เอง ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กวัยเรียน ประกอบกับการเผชิญกับสิ่งยั่วยุหรือตัวแบบที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ รอบตัว ก่อให้เกิดปัญหาต่อเด็กและเยาวชนอย่างมาก ทั้งปัญหาด้านการปรับตัว ปัญหาด้านอารมณ์และจิตใจ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาความรุนแรง ปัญหาที่มาจากสิ่งยั่วยุ เช่น ปัญหาเด็กติดเกม ปัญหายาเสพติด ปัญหาจากพฤติกรรมทางเพศ เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข หรือเตรียมการปกป้อง หรือสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันทางสังคม และทักษะชีวิต ส่งผลให้เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว อาจเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีปัญหาทางอารมณ์ จิตใจ และมักจะมีความขัดแย้งในชีวิตได้ง่าย ส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ซึ่งจะเป็นภาระในสังคม ดังนั้น โรงเรียนและครูจึงมีความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน หรือพัฒนาทักษะชีวิตในเด็กนักเรียน ทั้งนี้โดยการจัดกิจกรรมในโรงเรียนและการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิตเป็นภูมิคุ้มกัน ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ตั้งรับต่อการก้าวรุกทางสังคมได้อย่างรู้เท่าทัน การมีทักษะชีวิตจะช่วยให้ผู้เรียนมีทักษะรอบด้านที่ดี ทำให้ผู้เรียนสามารถจัดการกับความต้องการ และสิ่งท้าทายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการกับสภาพความกดดัน หรือปัญหาที่เกิดขึ้น ตลอดจนสามารถปรับตัวและใช้ชีวิตได้ดีในอนาคต โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดองค์ประกอบทักษะชีวิตที่สำคัญที่จะสร้างและพัฒนาเป็นภูมิคุ้มกันชีวิตให้แก่เด็กและเยาวชนในสภาพสังคมปัจจุบันและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตไว้ 4 องค์ประกอบ ดังนี้ (1) การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น (2) การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (3) การจัดการกับอารมณ์และความเครียด และ (4) การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้กำหนดหลักการ จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีทักษะชีวิต และสามารถปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดี มีวินัย และมีความสุข โดยสร้างความรู้ ความเข้าใจ และประสานความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก ระหว่างสถานศึกษากับพ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ดังนั้นเมื่อโลกเคลื่อนตัวสู่ยุค 4.0 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ซับซ้อน และคาดการณ์ได้ยาก ทุกสังคมจะต้องปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยี และเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม จึงส่งผลกระทบมายังเด็กปฐมวัยซึ่งเป็นวัยที่ไม่เหมาะกับการใช้เทคโนโลยี เช่น การเล่นมือถือ การเล่นคอมพิวเตอร์ และการดูโทรทัศน์ เพราะทำให้เด็กขาดทักษะในการใช้ชีวิต ทักษะการเข้าสังคมและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ดังนั้นการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับประเทศไทยยุค 4.0 คือการเตรียมความพร้อมเด็กตั้งแต่ในระดับปฐมวัย เพื่อที่เด็กจะได้เติบโตเป็นเด็กที่รู้เท่าทัน และปรับตัวได้กับยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเตรียมความพร้อมของเด็กปฐมวัยที่เร่งด่วน คือการพัฒนาและส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกทักษะชีวิตที่จำเป็น ที่จะต้องมีทั้งทักษะทางด้านปัญญา และทักษะทางด้านพฤติกรรม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างทักษะชีวิตที่ดีและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กปฐมวัย เพราะการมีทักษะดังกล่าวจะช่วยให้เด็กสามารถพึ่งพาตนเอง ได้คิด วางแผน และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสม
การนำหลักการบริหารจัดการมาใช้ในการออกแบบ รูปแบบการบริหารจัดการศึกษาระดับปฐมวัย โดยใช้ S.D.C.I. Model เพื่อส่งเสริมทักษะชีวิต ให้ผู้เรียนทุกคนพึงได้รับการพัฒนาทั้งด้านความรู้ ความรู้สึกนึกคิด ให้รู้จักสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล รู้จักจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม และสภาพแวดล้อม รู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น ป้องกันตัวเองในภาวะคับขัน และจัดการกับชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับวัฒนธรรมและสังคม การออกแบบรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัย เพื่อส่งเสริมทักษะชีวิต โรงเรียนวัดเกิดการอุดม ใช้ทฤษฎีกระบวนระบบ (System Theory) ของ Bertalanfy ซึ่งมีการวิเคราะห์ระบบด้วยข้อมูลย้อนกลับ ประกอบด้วย ๔ องค์ประกอบ คือ (๑) ปัจจัยนำเข้า (Input) (๒) กระบวนการ (Process) (๓) ผลผลิต (Output) และ (๔) ข้อเสนอแนะ/ปรับปรุง (Feedback) มาเป็นหลักในการออกแบบกระบวนการ และนำหลักการของวงจรการบริหารงานคุณภาพ PDCA ของ Dr.Edwards W. Deming มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การดำเนินการบริหารจัดการศึกษาบรรลุตามเป้าหมาย โดยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ (1) ขั้นการวางแผน (Plan) (2) ขั้นปฏิบัติตามแผน (Do) (3) ขั้นตรวจสอบ (Check) และ (4) ขั้นปรับปรุงแก้ไข (Action) ทำให้ได้รูปแบบ การใช้ S.D.C.I. Model ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัย เพื่อส่งเสริมทักษะชีวิต โดยมีขั้นตอนในการดำเนินงาน 4 ขั้นตอน ดังนี้ (1) ขั้น S : Strategy การศึกษากลยุทธ์ตามจุดเน้นของโรงเรียน (2) ขั้น D : Development กระบวนการพัฒนาคุณภาพ (3) ขั้น C : Control การควบคุม และ (4) ขั้น I : Improvement การปรับปรุง ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียนระดับปฐมวัย ทำให้ได้ทักษะที่ส่งเสริมทักษะชีวิตให้แก่ผู้เรียนที่สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย และองค์ประกอบทักษะชีวิตที่องค์การอนามัยโลกกำหนด ดังนี้ (๑) S : Self-awareness (ความตระหนักรู้ในตน) (๒) D : Decision making and Problem solving (การตัดสินใจและการแก้ไขปัญหา) (๓) C : Coping with emotion and Stress (การจัดการกับอารมณ์และความเครียด) (๔) I : Interpersonal relationship and Communication skill (การสร้างสัมพันธภาพและการสื่อสาร)
ส่งผลให้ผู้เรียนระดับปฐมวัย โรงเรียนวัดเกิดการอุดม มีทักษะชีวิตใน 4 องค์ประกอบ ตามแบบรายงานผลการประเมินทักษะชีวิตเด็กปฐมวัย ปีการศึกษา ๒๕๖๕ มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก และมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกห้องเรียน (ค่าเป้าหมายของโรงเรียนวัดเกิดการอุดม : ผู้เรียนระดับปฐมวัยมีผลการประเมินทักษะชีวิตไม่น้อยกว่าร้อยละ 85) โดยห้องเรียนที่มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุดคือ อ.3/2 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าค่าเป้าหมาย +3.46 อ.3/1 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าค่าเป้าหมาย +3.22 อ.2/2 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าค่าเป้าหมาย +3.19 และ อ.2/1 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าค่าเป้าหมาย +3.00 ตามลำดับ และผู้เรียนระดับปฐมวัย โรงเรียนวัดเกิดการอุดม ปีการศึกษา ๒๕๖๕ มีผลการประเมินพัฒนาการเด็กทั้ง 4 ด้าน สูงกว่าปีการศึกษา 2564 ทุกด้าน โดยคิดเป็นร้อยละ 87.01 เพิ่มขึ้น +2.92 ซึ่งสอดคล้องกับผลการประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย ปีการศึกษา 2565 มีผลการประเมินสูงกว่าปีการศึกษา 2564 ทุกมาตรฐาน โดยคิดเป็นร้อยละ 98.63 เพิ่มขึ้น +3.47
|
โพสต์โดย ธัญนรัตน์ โชติวิวุฒิพงศ์ : [8 ส.ค. 2566 เวลา 21:34 น.] อ่าน [2905] ไอพี : 184.22.99.7
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 12,493 ครั้ง
| เปิดอ่าน 1,158 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,445 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,402 ครั้ง
| เปิดอ่าน 44,203 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,092 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,959 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,282 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,334 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,991 ครั้ง
| เปิดอ่าน 167,443 ครั้ง
| เปิดอ่าน 84,908 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,671 ครั้ง
| เปิดอ่าน 80,757 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,256 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 51,088 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,230 ครั้ง
| เปิดอ่าน 24,776 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,577 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,184 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|