การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem - based learning)
ขั้นนำ
๑. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เล่มที่ ๘ เรื่อง การจัดการไฟล์ข้อมูลและโฟลเดอร์ของครูราวดี รัตนเพ็ชร (สื่อประเภทหนังสือที่เผยแพร่ในระบบ OBEC Content Center)
๒. ครูถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่านักเรียนเคยค้นหาสิ่งของไม่เจอบ้างหรือไม่แล้วนักเรียนมีวิธีการอย่างไรให้หาสิ่งของต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น (แนวตอบ : นักเรียนตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน)
๓. ครูถามคำถามประจำหัวข้อเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่าการจัดการไฟล์อย่างเป็นระบบมีข้อดีอย่างไร (แนวตอบ : มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความสะดวกในการค้นหาข้อมูล และลดการสูญหายของไฟล์ข้อมูล)
ขั้นสอน
ขั้นที่ ๑ กำหนดปัญหา
๔. ครูนำอุปกรณ์การเรียนหลากหลายชนิดมากองรวมกัน เช่น ดินสอ ยางลบ ปากกา ไม้บรรทัด ดินสอสี เป็นต้น และถามนักเรียนว่านักเรียนจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อให้หาสิ่งของต่าง ๆ ในกองนี้ง่ายและรวดเร็วขึ้น (แนวตอบ : จัดหมวดหมู่สิ่งของ เพื่อทำให้การหาสิ่งของที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น)
ขั้นที่ ๒ ทำความเข้าใจปัญหา
๕. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔ คน เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันโดยมีกติกา ดังนี้
- ครูนำการ์ดที่มีภาพต่างๆ ทั้ง ภาพสัตว์ สิ่งของ และผลไม้ หลากหลายประเภทวางไว้หน้าชั้นเรียน
- ครูมอบกล่องโฟลเดอร์ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม โดยกำหนดตามชื่อโฟลเดอร์ตามชนิด - เมื่อครูส่งสัญญาณให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสลับกันออกมาหยิบการ์ดหน้าชั้นเรียน
- นักเรียนนำไปใส่ลงในกล่องโฟลเดอร์ของกลุ่มตนเองให้ถูกต้อง ตามระยะเวลาที่ครูกำหนด
๖. ครูตรวจสอบความถูกต้องในกล่องโฟลเดอร์ของแต่ละกลุ่มว่ามีชื่อสัตว์ สิ่งของ และผลไม้ถูกต้องตามประเภทหรือไม่ และสรุปถึงข้อดีของการจัดหมวดหมู่ว่า
การเก็บของไม่เป็นระเบียบทำให้เกิดความเสียหาย อีกทั้งยังทำให้ค้นหาสิ่งของที่ต้องการได้ยากขึ้น ดังนั้นควรจัดเก็บสิ่งของให้เป็นหมวดหมู่จะช่วยให้สามารถหาสิ่งของที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
ขั้นที่ ๓ ดำเนินการศึกษาค้นคว้า
๗. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาเนื้อหาการสร้างโฟลเดอร์และจัดหมวดหมู่ไฟล์จากใบความรู้ที่ ๑ ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เล่มที่ ๘ เรื่อง การจัดการไฟล์ข้อมูลและโฟลเดอร์ของครูราวดี รัตนเพ็ชร (สื่อประเภทหนังสือที่เผยแพร่ในระบบ OBEC Content Center)
๘. นักเรียนปฏิบัติการสร้างโฟลเดอร์ที่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยตั้งโฟลเดอร์เป็นชื่อและนามสกุลของตนเอง
๙. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมกับนักเรียนว่าการตั้งชื่อโฟลเดอร์นั้น ความยาวของชื่อจะต้องไม่เกิน ๒๕๖ ตัวอักษรโดยจะกำหนดเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษได้ โดยต้องไม่มีเครื่องหมายพิเศษ ได้แก่ ? : * < > |
๑๐. ครูถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูงว่าถ้าหากชื่อของโฟลเดอร์ที่นักเรียนสร้างขึ้นไม่ตรงกับไฟล์ข้อมูลด้านใน นักเรียนคิดว่า จะส่งผลอย่างไรในการใช้งานโฟลเดอร์ครั้งต่อไป(แนวตอบ : คำตอบของนักเรียน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน)
๑๑. นักเรียนแต่ละคนศึกษาและทดลองคัดลอกและย้ายไฟล์หรือโฟลเดอร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง โดยศึกษาหรือขั้นตอนต่าง ๆ ใบความรู้ที่ ๑ ในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เล่มที่ ๘ เรื่อง การจัดการไฟล์ข้อมูลและโฟลเดอร์ของครูราวดี รัตนเพ็ชร (สื่อประเภทหนังสือที่เผยแพร่ในระบบ OBEC Content Center) ซึ่งครูสาธิตให้นักเรียนดูเป็นตัวอย่าง และให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติตาม
ขั้นที่ ๔ สังเคราะห์ความรู้
๑๒. นักเรียนทำกิจกรรมฝึกทักษะจับคู่ระหว่างไฟล์ภาพ แล้วตั้งชื่อโฟลเดอร์และจัดหมวดหมู่ไฟล์ภาพให้ถูกต้อง
๑๓. ครูสุ่มนักเรียน ๑ ๒ คน ออกมาอธิบายความแตกต่างระหว่างการคัดลอกไฟล์และการย้ายไฟล์หน้าชั้นเรียน
ขั้นที่ ๕ สรุปและประเมินค่าของคำตอบ
๑๔. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย และครูให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น
๑๕. นักเรียนทำ ใบงาน เรื่อง การจัดหมวดหมู่ข้อมูล โดยให้นักเรียนสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตและสัตว์ต่าง ๆ จากนั้นบอกความหมายของรูปเรขาคณิต โดยวิเคราะห์จากความสัมพันธ์ที่กำหนดให้
๑๖. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนในชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เล่มที่ ๘ เรื่อง การจัดการไฟล์ข้อมูลและโฟลเดอร์ของครูราวดี รัตนเพ็ชร (สื่อประเภทหนังสือที่เผยแพร่ในระบบ OBEC Content Center)
ขั้นที่ ๖ นำเสนอและประเมินผลงาน
๑๗. ครูประเมินผลนักเรียนโดยการสังเกตการตอบคำถาม การทำใบงาน การปฏิบัติตามกิจกรรม
๑๘. ครูตรวจสอบผลการทำใบงาน กิจกรรมฝึกทักษะ และ การทำแบบทดสอบหลังเรียน
ขั้นสรุป
๑๙. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปลำดับขั้นตอนการจัดการกับไฟล์ ตั้งแต่การสร้างโฟลเดอร์ และจัดหมวดหมู่ไฟล์ การคัดลอกไฟล์และโฟลเดอร์ หรือการย้ายไฟล์และโฟลเดอร์ โดยครูคอยบันทึก ลงบนกระดานหน้าชั้นเรียน