ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนาเพื่อส่งเสริม
ความสามารถในการแก้ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางสาวสุภาพร ชมระกา
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
ปีที่ทำวิจัย 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนาเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของการจัดการเรียนรู้วิชาสังคม ศึกษา 5 2) ออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนา 3) ศึกษาผลการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนาที่พัฒนาขึ้นไปใช้โดยศึกษาประสิทธิภาพ ศึกษาดัชนีประสิทธิผล และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบ การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนา 4) ประเมินผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น โดยเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียนหลังเรียน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนบัวขาว ที่เรียนวิชาสังคมศึกษา 5 จำนวน 35 คน ดำเนินการวิจัย 4 ขั้นตอน คือ 1) วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน 2) พัฒนา : การพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3) นำไปใช้ : ศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ 4) ประเมินผลและปรับปรุง : การประเมินและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการจัดการเรียนรู้
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพปัจจุบัน และปัญหาการจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา 5 กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ยังขาดทักษะในการแก้ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมุ่งสอนเนื้อหาให้ผู้เรียนจดและจำ ขาดการฝึกปฏิบัติกระบวนการคิดแก้ปัญหา ขาดสื่อและแหล่งเรียนรู้ที่ดีมีคุณภาพ และสาระที่ควรเร่งพัฒนาเนื่องจากคะแนนเฉลี่ยของโรงเรียนต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยระดับประเทศ ได้แก่ สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนาเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบสำคัญ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหาที่ใช้ในการเรียนการสอน 4) ขั้นตอนที่ใช้สอน 5) ระบบสนับสนุน 6) การประเมินผล และ 7) ผลของการนำไปใช้ ซึ่งขั้นการสอนคิดแก้ปัญหา 4 ขั้น 4 ขั้น ได้แก่ ขั้นวินิจฉัย (Diagnosis) ขั้นนําหลักพุทธธรรมมาแก้ปัญหา (Applying Dhamma for Problem Solving) ขั้นนําเสนอและสะท้อนความคิด (Presenting and Reflecting) และขั้นสรุปและประเมินผล (Summarizing and Assessing) และผลของการนำรูปแบบการจัดกิการเรียนรู้ไปใช้ มีความเหมาะสม และความสอดคล้องขององค์ประกอบอยู่ในระดับ มากที่สุด
3. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนาเพื่อส่งเสริมความ สามารถในการแก้ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 88.46/85.43 ค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.7646 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนา โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดทางพระพุทธศาสนา มีความสามารถในการแก้ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01