การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบแรงจูงใจในการเล่นกรีฑาของนักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑา โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ปีการศึกษา 2563 กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑา จำนวน 30 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 17 คน เพศหญิง 13 คน และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 13 คน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 17 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตาส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น คือ คือ 1) ด้านความรักความถนัดและความสนใจ 2) ด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3) ด้านความก้าวหน้าทางการศึกษาและการทำงาน และ 4) ด้านเกียรติยศชื่อเสียงและสังคมมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.710 วิเคราะห์ข้อมูลผ่านค่าพารามิเตอร์ ดังนี้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (μ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) และทดสอบค่าที (t-test) โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
ผลการวิจัยพบว่า
1. แรงจูงใจในการเล่นกรีฑาของนักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑา โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ปีการศึกษา 2563 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (μ = 3.67, σ = 0.18) ด้านความรักความถนัดและความสนใจ มีแรงจูงใจอยู่ในระดับมาก (μ = 4.18, σ = 0.19) ด้านความก้าวหน้าทางการศึกษาและการทำงาน มีแรงจูงใจอยู่ในระดับมาก (μ = 3.86, σ = 0.44) ด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง แรงจูงใจอยู่ในระดับปานกลาง (μ = 3.38, σ = 0.46) และด้านเกียรติยศชื่อเสียงและสังคม แรงจูงใจอยู่ในระดับปานกลาง (μ = 3.27, σ = 0.47)
2. แรงจูงใจในการเล่นกรีฑาของนักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑา ระหว่างเพศชายและเพศหญิง และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ปีการศึกษา 2563 มีดังนี้
2.1 จำแนกตามเพศ
2.1.1 แรงจูงใจในการเล่นกรีฑาของนักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑาเพศชาย โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ปีการศึกษา 2563 ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (μ = 3.26, σ = 0.21) และพิจารณารายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านความรักความถนัดและความสนใจ (μ = 4.18, σ = 0.15) ด้านความก้าวหน้าทางการศึกษาและการทำงาน (μ = 3.85, σ = 0.19) ด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง (μ = 3.34, σ = 0.18) ด้านเกียรติยศชื่อเสียงและสังคม (μ = 3.26, σ = 0.21)
2.1.2 แรงจูงใจในการเล่นกรีฑาของนักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑาเพศหญิง โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ปีการศึกษา 2563 ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (μ = 3.28, σ = 0.20) และพิจารณารายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านความรักความถนัดและความสนใจ (μ = 4.19, σ = 0.24) ด้านความก้าวหน้าทางการศึกษาและการทำงาน (μ = 3.87, σ = 0.10) ด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง (μ = 3.42, σ = 0.13) ด้านเกียรติยศชื่อเสียงและสังคม (μ = 3.28, σ = 0.20)
2.2 จำแนกตามระดับชั้น
2.2.1 แรงจูงใจในการเล่นกรีฑาของนักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ปีการศึกษา 2563 ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (μ = 3.24, σ= 0.21) และพิจารณารายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านความรักความถนัดและความสนใจ (μ = 4.21, σ = 0.25) ด้านความก้าวหน้าทางการศึกษาและการทำงาน (μ = 3.92, σ = 0.18) ด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง (μ = 3.42, σ = 0.19) ด้านเกียรติยศชื่อเสียงและสังคม (μ = 3.24, σ = 0.21)
2.2.2 แรงจูงใจในการเล่นกรีฑาของนักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ปีการศึกษา 2563 ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (μ = 3.29, σ = 0.20) และพิจารณารายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านความรักความถนัดและความสนใจ (μ = 4.17, σ = 0.14) ด้านความก้าวหน้าทางการศึกษาและการทำงาน (μ = 3.81, σ = 0.12) ด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง (μ = 3.34, σ = 0.14) ด้านเกียรติยศชื่อเสียงและสังคม (μ = 3.29, σ = 0.20)
3. ผลการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยแรงจูงใจในการเล่นกรีฑาของนักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑา โรงเรียนศรีเสมาวิทยาเสริม อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ปีการศึกษา 2563 จำแนกตามเพศและระดับชั้น มีดังนี้
3.1 จำแนกตามเพศ พบว่า นักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑาเพศชายและเพศหญิงแรงจูงใจในการเล่นกรีฑาในภาพรวม ไม่แตกต่างกัน ทั้งด้านความรักความถนัดและความสนใจ ด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง ด้านความก้าวหน้าทางการศึกษาและการทำงาน และด้านเกียรติยศชื่อเสียงและสังคม
3.2 จำแนกตามระดับชั้น พบว่า นักกรีฑาและผู้เรียนชุมนุมกรีฑาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แรงจูงใจในการเล่นกรีฑาระหว่างนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แตกต่างกันในด้านความก้าวหน้าทางการศึกษาและการทำงานอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่ในด้านความรักความถนัดและความสนใจ ด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง และด้านเกียรติยศชื่อเสียงและสังคม พบว่า ไม่แตกต่างกัน
4. ข้อเสนอแนะ พบว่า มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแรงจูงใจอื่นๆ เช่น การได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัด และอยากติดทีมจังหวัด และทีมชาติเหมือนพี่ๆ