ความเป็นมา
การเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 วิทยาการต่างๆ มีความเจริญก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องมีการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน ซึ่งการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ที่เน้นความสามารถในการคิดขั้นสูงซึ่งประกอบ ด้วยการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง หรือเพื่อเป็นทักษะชีวิตในการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างถูกต้องเหมาะสม(กระทรวงศึกษาธิการ, 2551:56-57) ซึ่งสอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่ประกอบด้วย(3RS8Cs) ทักษะที่มีความเกี่ยวข้องกับวิชาคณิตศาสตร์นั้นได้แก่ Arithmetics (การคิดเลขเป็น) Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการ แก้ปัญหา) Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) นอกจากนี้ คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและศาสตร์อื่น ๆ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2552 : 1) สมาคมครูคณิตศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา กำหนดจุดประสงค์ของการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพื่อมุ่งให้นักเรียนได้ตระหนักถึงคุณค่าของคณิตศาสตร์ มีความมั่นใจในตนเองในการดำเนินการทางคณิตศาสตร์ เป็นนักแก้ปัญหา มีความสามารถในการให้เหตุผล และสามารถสื่อสารกับชุมชนคณิตศาสตร์ได้ และเป้าหมายสูงสุดของการพัฒนาการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ก็คือ ประสิทธิภาพของนักเรียนในการแก้ปัญหา ซึ่งนักคณิตศาสตร์ส่วนมากเชื่อว่าเหตุผลเดียวที่คนเรียนคณิตศาสตร์ก็เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ (Houghton Miffin, 1995) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดในการจัดการศึกษาคณิตศาสตร์ของประเทศแคนน าดา (The Ontario Curriculum,Mathenatics,2005) ประเทศสหรัฐอเมริกา (NCTM,2006) และประเทศ สิงค์โปร์ (Ministry of Education Singapore, 2013) ที่กำหนดให้การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เป็นเป้าหมายหลักที่ผู้จัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์จำเป็นต้องพัฒนาให้นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ แต่การที่ใครคนใดคนหนึ่งหรือนักเรียนจะสามารถแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ได้นั้นจำเป็นต้องใช้องค์ประกอบด้านอื่น ๆ เป็นส่วนเสริมซึ่งได้แก่ พื้นฐานความรู้เนื้อหาคณิตศาสตร์ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์รวมถึงจิตคณิตศาสตร์ของนักเรียนแต่ละคนที่จะช่วยหลอมรวมไปสู่การแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ
จากรายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอนุบาลวัดนางใน (ละเอียดอุปถัมภ์) ย้อนหลัง 3 ปี คือ ปีการศึกษา 2563-2565 ได้คะแนนเฉลี่ยตามลำดับดังนี้คือ 68.15, 67.09, 66.55 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 70 ซึ่งเป็นนโยบายของทางโรงเรียน (โรงเรียนอนุบาลวัดนางใน (ละเอียดอุปถัมภ์), 2559 : 12) และมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนักเรียนขาดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ดังนั้นครูผู้สอนคณิตศาสตร์จึงต้องหาวิธีการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียนในด้านการแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
จากสภาพปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบ I LOVE 3C Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ต่อไป
วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
1. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังการใช้รูปแบบการเรียนการสอน I LOVE 3C Model กับเกณฑ์ร้อยละ 75
2. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอน I LOVE 3C Model
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอน I LOVE 3C Model
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. แผนการจัดการเรียนรู้การจัดรูปแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (I LOVE 3C Model )
2. แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอน (I LOVE 3C Model)
3. แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
รูปแบบ/เทคนิค ที่ทำให้เกิดความสำเร็จ
รูปแบบที่นำมาใช้คือ I LOVE 3C Model มีขั้นตอนดังนี้
1. ขั้นนำ (I : Introduction) ผู้สอนทบทวนความรู้ อาจเป็นเนื้อหาที่เคยเรียนมาแล้ว หรือเนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้เนื้อหาใหม่
2. ขั้นการเรียนรู้ (L : Learning) ผู้สอนจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) โดยเน้นให้ผู้เรียนมีการลงมือปฏิบัติ ทำงาน คิด และแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยจัดกิจกรรมที่กระตุ้นให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะอย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน โดยใช้คำถามปลายเปิดเพื่อให้นักเรียนได้อธิบายแสดงความคิดอย่างเต็มที่
3. ขั้นเปิดสถานการณ์ปัญหา (O : Open Problem) ผู้สอนกำหนดสถานการณ์ปัญหาให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาพร้อมทั้งเสนอวิธีการแก้ปัญหา โดยเลือกปัญหาที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่สอนและกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดคำถาม วิเคราะห์ วางแผนกำหนดวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมพร้อมทั้งแสดงเหตุผลประกอบ
4. ขั้นเสนอแนวความคิด (V : Vista) ผู้สอนให้ผู้เรียนเสนอแนวความคิดต่างๆที่หลากหลาย
5. ขั้นอธิบายสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง (E : Explanation) ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันอธิบายและสร้างความเข้าใจในสถานการณ์ปัญหาที่ถูกต้อง
5. ขั้นการสื่อสารและการนำเสนอ ( C : Communication and presentation) ผู้เรียนได้ออกมานำเสนอแนวความคิดในการแก้ปัญหาหน้าชั้นเรียน
6. ขั้นตรวจสอบความถูกต้อง ( C : Check) ผู้เรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องจากการแก้ปัญหาของเพื่อนในชั้นเรียน
7. ขั้นสรุป (C : Conclusive) ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปการแก้ปัญหาที่ได้
ผลสำเร็จ
1. นักเรียนร้อยละ 76 มีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75
2. นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ( I LOVE 3C Model ) ในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก