ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้แบบฝึก และเทคนิค KWL Plus

1. ความสำคัญของผลงานหรือนวัตกรรม

1.1 ความเป็นมาและสภาพของปัญหา

ในสังคมโลกปัจจุบัน การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสาร การศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชีพ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิสัยทัศน์ของชุมชนโลก และตระหนักถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและของสังคมโลก นำมาซึ่งไมตรีและความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าในตนเองและผู้อื่นดีขึ้น เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง มีเจตคติที่ดีต่อการใช้ภาษาต่างประเทศ และใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารได้ รวมถึงเข้าถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้ง่ายและกว้างขึ้น และมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินชีวิต(กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 : 220) และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดให้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ มุ่งหวังให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใช้ภาษาต่างประเทศสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงหาความรู้ประกอบอาชีพ และศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลก และสามารถถ่ายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได้อย่างสร้างสรรค์ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 : 221)

ด้านตัวนักเรียน พบว่า นักเรียนมีเจตคติที่ไม่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ จะเห็นได้จากนักเรียนไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับวิชาอื่น ๆ นักเรียนไม่กล้าแสดงออกในการใช้ภาษาอังกฤษ นักเรียนยังขาดความมั่นใจในการตอบคำถาม นักเรียนไม่มีความมั่นใจในการอ่านภาษาอังกฤษ หรือการพูดภาษาอังกฤษ และการนำภาษาอังกฤษไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือนักเรียนมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษเฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น อีกทั้งปัญหาที่พบในการสอนการอ่านภาษาอังกฤษคือ เมื่อนักเรียนอ่านภาษาอังกฤษแล้วไม่เข้าใจความหมายของคำศัพท์ในข้อความนั้น แต่จำเป็นต้องอ่านก็แก้ปัญหาโดยการเปิดพจนานุกรมหาคำศัพท์ที่ไม่ทราบความหมายและมีการจดคำแปลไว้ตลอดแต่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าตนเองอ่านเรื่องอะไร ซึ่ง (พิสิษฐ์ สอนน้อย, 2551 : 2) กล่าวว่า จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวกับการอ่านภาษาอังกฤษพบว่า เด็กไทยส่วนมากยังมีระดับความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษอยู่ในระดับที่ไม่พอใจและการที่ผู้เรียนส่วนมากยังขาดความสามารถในทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจอยู่นั้น อาจจะเป็นเพราะยังขาดวิธีการหรือเทคนิคที่เหมาะสมในอันที่จะช่วยให้ผู้เรียนมีประสิทธิภาพในการอ่านเพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้น และจากผลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งในปีการศึกษา 2563 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 30.43

จากปัญหาและเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผู้ศึกษาในฐานะครูผู้สอนจึงได้แนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการการเรียนรู้เรื่อง การพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้แบบฝึก โดยใช้เทคนิค KWL Plus เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดโพธิ์เรียง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ เทคนิค KWL Plus ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการอ่านอย่างกระตือรือร้น เป็นการอ่านที่ฝึกการถามตนเองและการใช้ความคิด และคิดในเรื่องที่อ่านเป็นสำคัญ โดยสามารถพัฒนาสมรรถภาพในการกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ในการอ่าน สรุปสาระสำคัญจากเรื่องที่อ่าน จัดการกับสาระความรู้ขึ้นใหม่ตามความเข้าใจของตนเอง โดยการใช้แผนผังมโนทัศน์หรือแผนผังความคิด และเขียนสรุปเรื่องที่อ่านจากแผนผังนั้น อีกทั้งส่งเสริมและพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้กับผู้เรียนได้ และฝึกการระดมสมองโดยมีกรอบในการร่วมกันคิด ดังนั้นการสอนโดยใช้ เทคนิคการสอนแบบนี้ จะช่วยให้นักเรียนอ่านภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจและถูกต้อง และยังพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้น และยังเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพและการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการเรียน มีความสนใจ มีความกระตือรือร้น ตลอดจนมีความสนุกสนานเพลิดเพลิน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและศึกษาความพึงพอใจ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นต่อไป

1.2 แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนา

1) วัตถุประสงค์ของการดำเนินงาน

1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษของนักเรียนระหว่างก่อนเรียนกับ หลังเรียนโดยใช้โดยใช้แบบฝึก และเทคนิค KWL Plus กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดโพธิ์เรียง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่

2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษโดยใช้โดยใช้แบบฝึก และเทคนิค KWL Plus กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน วัดโพธิ์เรียง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่

2) เป้าหมาย

1. เชิงปริมาณ

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดโพธิ์เรียง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 23 คน

2. เชิงคุณภาพ

1. คะแนนผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษของนักเรียนโดยใช้โดยใช้แบบฝึก และเทคนิค KWL Plus กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดโพธิ์เรียง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

2. ความพึงพอใจจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษโดยใช้โดยใช้แบบฝึก และเทคนิค KWL Plus กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดโพธิ์เรียง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ อยู่ในระดับมาก

3. กระบวนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการดำเนินงาน เขียนอธิบายให้เห็นประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น ดังนี้

3.1 การออกแบบผลงานหรือนวัตกรรม

ครูผู้สอนจึงได้ศึกษาแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการการเรียนรู้เรื่อง การพัฒนาการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึก และเทคนิคการสอนมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อช่วยให้นักเรียนอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจได้อย่างมั่นใจและถูกต้อง และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้น ดังนั้นครูผู้สอนได้ออกแบบกิจกรรมและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดใช้เทคนิค KWL Plus ที่เน้นทักษะกระบวนการอ่าน ทักษะการคิดอย่างรู้ตัว การนำประสบการณ์เดิมของผู้เรียนมาช่วยในการตีความเนื้อเรื่อง การมีส่วนร่วมของนักเรียนในการตั้งคำถาม

ขั้นตอนในการสอนแบบใช้เทคนิค KWL Plus

จากการศึกษาตามแนวคิดของนักการศึกษา Martini (2003) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWL Plus ดังนี้

1) ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบร่วมมือและทำงานเป็นทีม

2) เพื่อเก็บชิ้นงานจากแผนภาพตาราง KWL มาเป็นข้อมูลสำหรับครูในการช่วยเหลือการเรียนรู้ของนักเรียน

3) เพื่อให้นักเรียนเรียนเป็นรายบุคคลโดยใช้ชิ้นงานในการประเมินพัฒนาการของนักเรียน

นอกจากนี้ Conner (2004), วิไลวรรณ สวัสดิวงศ์ (2547: 74) และวัชรา เล่าเรียนดี (2547: 145) ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWL Plus ไว้สอดคล้องกันดังนี้

1) เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการอ่านอย่างกระตือรือร้น เป็นการอ่านที่ฝึกการถามตนเองและการใช้ความคิด และคิดในเรื่องที่อ่านเป็นสำคัญ

2) สามารถพัฒนาสมรรถภาพในการกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ในการอ่าน สรุปสาระสำคัญจากเรื่องที่อ่าน จัดการกับสาระความรู้ขึ้นใหม่ตามความเข้าใจของตนเอง โดยการใช้แผนผังมโนทัศน์หรือแผนผังความคิด และเขียนสรุปเรื่องที่อ่านจากแผนผังนั้น

3) ส่งเสริมและพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้กับผู้เรียนได้

4) ฝึกการระดมสมองโดยมีกรอบในการร่วมกันคิด

และจาการศึกษาตามแนวคิดของ วิไลวรรณ สวัสดิวงศ์ (2547: 75) อ้างถึงในCarr and Ogle (2004) ที่ได้เสนอขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้แบบ KWL Plusไว้ดังนี้

1) ขั้น K (What do I know)

ขั้นตอนนี้ก่อนที่นักเรียนจะอ่านเรื่อง ครูอธิบายความคิดรวบยอดของเรื่องและกำหนดคำถามโดยครูกระตุ้นหรือถามให้นักเรียนได้ระดมสมอง (Brainstorms) เกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนรู้แล้วและนำข้อมูลที่ได้มาจำแนก แล้วเขียนคำตอบของนักเรียนในแผนภูมิรูปภาพช่อง K (What do I know) หลังจากนั้นนักเรียนและครูร่วมกันจัดประเภทความรู้ที่คาดการณ์ว่าอาจเกิดขึ้นในเรื่องที่จะอ่าน

2) ขั้น W (What do I want to learn)

ในขั้นตอนนี้นักเรียนค้นหาความจริงจากคำถามในสิ่งที่สนใจอยากรู้ หรือคำถามที่ยังไม่มีคำตอบเกี่ยวกับความคิดรวบยอดของเรื่อง พร้อมทั้งให้นักเรียนเขียนรายการคำถามที่ตั้งไว้ ในระหว่างอ่านนักเรียนสามารถเพิ่มคำถามและคำตอบในกลุ่มของตัวเองได้

3) ขั้น L1 (What did I learn)

ในขั้นตอนนี้นักเรียนบันทึกความรู้ที่ได้ระหว่างการอ่านและหลังการอ่าน ลงในช่อง L (What did I learn) พร้อมทั้งตรวจสอบคำถามที่ยังไม่ได้ตอบ

4) ขั้น L2 (Mapping)

นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จัดประเภทไว้ในขั้นตอน K(What do I know) เขียนชื่อเรื่องไว้ในตำแหน่งตรงกลางและเขียนองค์ประกอบหลักของแต่ละหัวข้อ พร้อมทั้งเขียนอธิบายเพิ่มเติมในแต่ละประเด็น

5) ขั้น L3 (Summarizing)

ขั้นตอนนี้นักเรียนช่วยกันสรุปและเขียนสรุปความคิดรวบยอดจากแผนภูมิความคิดซึ่งการเขียนในขั้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อครูและนักเรียนในการประเมินความเข้าใจของนักเรียน

และจากการศึกษาจากนักวิชาการ วิไลวรรณ สวัสดิวงศ์ (2547: 77 - 78) อ้างถึงในCarr and Ogle (1987) ได้กล่าวถึงการนำเทคนิค KWL Plus มาใช้เป็นกลวิธีในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์โดยผ่านการอ่าน ดังต่อไปนี้

1) เลือกเรื่องหรือบทความที่เหมาะสมกับระดับชั้นและระดับความสามารถในการอ่านตามวัยของนักเรียน

2) สร้างแผนภูมิภาพ KWL (KWL- chart) บนกระดานและสร้างใบงานสำหรับนักเรียนในการดำเนินการสอนนั้นครูจะต้องกระตุ้นให้นักเรียนแสดงความคิด ระดมพลังสมอง (Brainstorm) แลกเปลี่ยนความรู้เพื่อดึงดูดความรู้ทั้งหมดของนักเรียนเกี่ยวกับหัวข้อที่จะอ่าน โดยครูใช้คำถามตะล่อม(Prompting) กระตุ้นนักเรียนเพื่อให้อธิบายเหตุผลที่นักเรียนมีความคิดเช่นนั้น บันทึกสิ่งที่นักเรียนเรียนรู้ในช่อง K (What do I know?) และแนะนำนักเรียนเกี่ยวกับการจัดหมวดหมู่ของข้อมูลที่คาดว่าจะใช้

3) แนะนำนักเรียนเกี่ยวกับการตั้งคำถามเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบที่ต้องการจากการอ่าน นำคำถามที่ตั้งไว้ใส่ลงในช่อง W (What do I want to learn?) คำถามเหล่านี้อาจได้มาจากการอภิปรายหรือการระดมความคิด คำถามควรมีหลากหลายเพื่อพัฒนาการคิด การจัดประเภทองค์ประกอบหลักของข้อมูลที่คาดการณ์ไว้จะเป็นการช่วยให้นักเรียนมีวัตถุประสงค์ในการอ่าน

4) ในขณะอ่านกระตุ้นนักเรียนให้แสวงหาคำตอบจากคำถามที่ตั้งไว้ แสวงหาข้อมูลใหม่เพิ่มเติมและเพิ่มคำถาม

5) หลังจากอ่านเรื่องหรือบทความ ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้อภิปรายผลการเรียนรู้ที่ได้จากการอ่านและเขียนลงในช่อง L (What did I learn?) บันทึกแนวคิด ความรู้ที่พบว่าน่าสนใจจากการอ่าน สำหรับคำถามบางคำถามที่ยังหาคำตอบที่ได้จากการอ่านครั้งนี้ ครูควรแนะนำแหล่งค้นคว้าเพิ่มเติมแก่นักเรียน

6) สร้างแผนภาพความคิด ให้นักเรียนจัดประเภทของข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ในช่อง L (What did I learn?) และถามคำถามเพื่อให้นักเรียนได้บรรยายความคิด สร้างแผนภาพความคิดข้อมูลที่มีความสำคัญที่ได้จากเรื่องที่อ่าน

จาการศึกษาแนวคิด และทฤษฎีจากนักวิชาการดังกล่าวข้างต้นสามารถนำมาเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ โดยใช้เทคนิค KWL Plus เป็นกรอบแนวคิดในการวิจัยดังนี้

ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม

ครูผู้สอนได้ออกแบบกิจกรรมและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดใช้เทคนิค KWL Plus ที่เน้นทักษะกระบวนการอ่าน ทักษะการคิดอย่างรู้ตัว การนำประสบการณ์เดิมของผู้เรียนมาช่วยในการตีความเนื้อเรื่อง การมีส่วนร่วมของนักเรียนในการตั้งคำถาม สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ

และจากการจัดการเรียนการสอนด้วย KWL Plus เป็นการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการอ่าน โดยนำความรู้เดิมมาเชื่อมโยงกับความรู้ใหม่ ทำให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ครูผู้สอนจึงควรนำวิธีการสอนดังกล่าวไปใช้ในการจัดการเรียนสอน เพื่อสลับปรับเปลี่ยนกับการสอนแบบเดิมๆ และสามารถเปลี่ยนบรรยากาศในการเรียนรู้ได้

และนอกจากนี้การจัดการเรียนรู้ด้วย KWL Plus ที่เน้นการทำงานเป็นกลุ่ม ทำให้นักเรียนทุกคนมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมอย่างทั่วถึง ได้ฝึกความคิดอย่างอิสระ ส่งเสริมให้สมาชิกในกลุ่มที่ประกอบไปด้วยนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง กลาง และต่ำ ได้ช่วยเหลือกัน และ ทำหน้าที่แทนครูผู้สอน อันเป็นการทบทวนความรู้เดิมของตัวเอง การฝึกฝนซ้ำๆ ในแต่ละขั้นตอนช่วยให้นักเรียนมีความมั่นใจในการแสดงพฤติกรรม ทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความหมาย และมีความสุขกับการเรียน เพราะผู้เรียนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ที่ได้จากการอภิปรายเพื่อระดมความคิดนำเสนอผลงานให้เพื่อนๆ ในห้องเรียน ทำให้ผู้เรียนได้แสดงออกตามความสามารถ ได้พัฒนาทักษะทางสมอง

3.2 การดำเนินงานตามกิจกรรม

ได้ดำเนินการสร้างและพัฒนาเครื่องมือ โดยมีรายละเอียดลำดับต่อไปนี้

1. การสร้างแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ แบบฝึก และเทคนิคการสอนแบบ KWL Plus

1.1 ผู้วิจัยศึกษาแนวคิดหลักการทฤษฎีการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWL Plus (วิไลวรรณ สวัสดิวงศ์ (2547: 77 - 78) อ้างถึงในCarr and Ogle (1987)

1.2 ศึกษาหลักสูตร สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 และวิเคราะห์บทเรียนและคัดเลือกเนื้อหาที่ใช้สอนเกี่ยวกับ Friendship Beyond Frontier โดยนำไปใช้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประกอบ ด้วยชื่อเรื่อง และมีแผนการเรียนรู้ 6 แผน ดังต่อไปนี้

แผนการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง At the Airport

แผนการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง I Love Cooking

แผนการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง Nisa’s 15 Birthday

แผนการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง Going Around

แผนการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง Loy Krathong Festival

แผนการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง Let’s Travel!

1.3 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ KWL Plus จำนวน 6 แผน ใช้เวลาสอนแผนละ 3 ชั่วโมง ทั้งหมด 6 สัปดาห์ รวมเวลา 18 ชั่วโมง ซึ่งในแต่ละแผนการสอนมีขั้นตอนในการทำกิจกรรมการเรียนการสอนอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ดังนี้

1) ขั้น K (What do I know)

ขั้นตอนนี้ก่อนที่นักเรียนจะอ่านเรื่อง ครูอธิบายความคิดรวบยอดของเรื่องและกำหนดคำถามโดยครูกระตุ้นหรือถามให้นักเรียนได้ระดมสมอง (Brainstorms) เกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนรู้แล้วและนำข้อมูลที่ได้มาจำแนก แล้วเขียนคำตอบของนักเรียนในแผนภูมิรูปภาพช่อง K (What do I know) หลังจากนั้นนักเรียนและครูร่วมกันจัดประเภทความรู้ที่คาดการณ์ว่าอาจเกิดขึ้นในเรื่องที่จะอ่าน

2) ขั้น W (What do I want to learn)

ในขั้นตอนนี้นักเรียนค้นหาความจริงจากคำถามในสิ่งที่สนใจอยากรู้ หรือคำถามที่ยังไม่มีคำตอบเกี่ยวกับความคิดรวบยอดของเรื่อง พร้อมทั้งให้นักเรียนเขียนรายการคำถามที่ตั้งไว้ ในระหว่างอ่านนักเรียนสามารถเพิ่มคำถามและคำตอบในกลุ่มของตัวเองได้

ภาพประกอบการสอนกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้

เทคนิคการสอนแบบ KWL Plus

ขั้น 1 K (What do I know)

และขั้น 2 W (What do I want to learn)

3) ขั้น L1 (What did I learn)

ในขั้นตอนนี้นักเรียนบันทึกความรู้ที่ได้ระหว่างการอ่านและหลังการอ่าน ลงในช่อง L (What did I learn) พร้อมทั้งตรวจสอบคำถามที่ยังไม่ได้ตอบ

4) ขั้น L2 (Mapping)

นักเรียนนำข้อมูลที่ได้จัดประเภทไว้ในขั้นตอน K(What do I know) เขียนชื่อเรื่องไว้ในตำแหน่งตรงกลางและเขียนองค์ประกอบหลักของแต่ละหัวข้อ พร้อมทั้งเขียนอธิบายเพิ่มเติมในแต่ละประเด็น

ภาพประกอบการสอนกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้

เทคนิคการสอนแบบ KWL Plus

ขั้น 3 L1 (What did I learn)

และขั้น 4 L2 (Mapping)

5) ขั้น L3 (Summarizing) ข้นสรุปองค์ความรู้

ขั้นตอนนี้นักเรียนช่วยกันสรุปและเขียนสรุปความคิดรวบยอดจากแผนภูมิความคิดซึ่งการ

เขียนในขั้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อครูและนักเรียนในการประเมินความเข้าใจของนักเรียน

2. การสร้างแบบทดสอบวัดความสามารถทางการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ

2.1 ศึกษาและวิเคราะห์เนื้อหาตามคู่มือการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560 และหลักสูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

2.2 สร้างแบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ โดยให้สอดคล้องกับเนื้อหาในแผนการจัดการเรียนรู้ แบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก มีตัวเลือกที่ถูกเพียงตัวเดียว จำนวน 40 ข้อ ให้ครอบคลุมเนื้อหาและผลการเรียนที่คาดหวังที่กำหนด

2.3 นำแบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษไปใช้ทดลองจริงกับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย

3. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก และเทคนิคการสอนแบบ KWL Plus มีขั้นตอนในการสร้างดังนี้

3.1 สร้างประเมินความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ฐานสมอง โดยใช้มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิธี ของลิเคอร์ท (พวงรัตน์ ทวีรัตน์. 2543 : 107) โดยครอบคลุมด้านเนื้อหา ครูผู้สอน ด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้และด้านการวัดประเมินผลการเรียน

เกณฑ์การประเมินการตรวจให้คะแนนแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนมีดังนี้

พึงพอใจระดับมากที่สุด ให้ค่าระดับคะแนน 5

พึงพอใจระดับมาก ให้ค่าระดับคะแนน 4

พึงพอใจระดับปานกลาง ให้ค่าระดับคะแนน 3

พึงพอใจระดับน้อย ให้ค่าระดับคะแนน 2

พึงพอใจระดับน้อยที่สุด ให้ค่าระดับคะแนน 1

เกณฑ์การแปลความหมายค่าเฉลี่ยแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนมีดังนี้

ค่าเฉลี่ย 4.51 – 5.00 หมายถึง ระดับมากที่สุด

ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50 หมายถึง ระดับมาก

ค่าเฉลี่ย 2.51 – 3.50 หมายถึง ระดับปานกลาง

ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50 หมายถึง ระดับน้อย

ค่าเฉลี่ย 1.00 – 150 หมายถึง ระดับน้อยที่สุด

3.3 นำแบบสอบถามความพึงพอใจในการอ่านเพื่อความเข้าใจโดยใช้เทคนิค KWL Plus ที่ไปใช้ทดลองจริงกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย

โพสต์โดย นางสมจิตร ชูดวง : [30 มิ.ย. 2566 เวลา 06:36 น.]
อ่าน [2947] ไอพี : 182.232.225.8
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 30,689 ครั้ง
ความพิศวงของตัวเลข จำนวนเฉพาะตอนที่ 1
ความพิศวงของตัวเลข จำนวนเฉพาะตอนที่ 1

เปิดอ่าน 10,624 ครั้ง
5 วิธีในการตกลงเจรจาในภาษาอังกฤษให้เป็นผลสำเร็จ
5 วิธีในการตกลงเจรจาในภาษาอังกฤษให้เป็นผลสำเร็จ

เปิดอ่าน 25,084 ครั้ง
กินไข่ไก่...อย่างไรให้ได้ประโยชน์
กินไข่ไก่...อย่างไรให้ได้ประโยชน์

เปิดอ่าน 10,217 ครั้ง
วิธีแบกเป้ไปโรงเรียนอย่างปลอดภัย
วิธีแบกเป้ไปโรงเรียนอย่างปลอดภัย

เปิดอ่าน 13,369 ครั้ง
"การผลิต" กับการศึกษาประเทศสิงคโปร์
"การผลิต" กับการศึกษาประเทศสิงคโปร์

เปิดอ่าน 9,676 ครั้ง
เสียงหัวเราะ ให้คุณมากกว่าความสดใส
เสียงหัวเราะ ให้คุณมากกว่าความสดใส

เปิดอ่าน 1,589 ครั้ง
จัดบ้านให้ปลอดภัยต่อวัยสูงอายุ
จัดบ้านให้ปลอดภัยต่อวัยสูงอายุ

เปิดอ่าน 1,160 ครั้ง
CMS คืออะไรอ่านได้ที่นี่
CMS คืออะไรอ่านได้ที่นี่

เปิดอ่าน 10,367 ครั้ง
แอสเพอร์เกอร์ซินโดรม อีกหนึ่งอาการที่ไม่ควรมองข้าม
แอสเพอร์เกอร์ซินโดรม อีกหนึ่งอาการที่ไม่ควรมองข้าม

เปิดอ่าน 33,287 ครั้ง
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย

เปิดอ่าน 13,411 ครั้ง
วิธีทาลิปกลอสให้สวย
วิธีทาลิปกลอสให้สวย

เปิดอ่าน 4,517 ครั้ง
พระรัตนตรัย
พระรัตนตรัย

เปิดอ่าน 15,277 ครั้ง
ไขปริศนา! น้ำดื่มมีวันหมดอายุด้วยหรือ
ไขปริศนา! น้ำดื่มมีวันหมดอายุด้วยหรือ

เปิดอ่าน 12,521 ครั้ง
สังเกตมะเร็งชนิดต่างๆ ก่อนชีวิตจะเสี่ยง
สังเกตมะเร็งชนิดต่างๆ ก่อนชีวิตจะเสี่ยง

เปิดอ่าน 12,731 ครั้ง
12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน
12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน

เปิดอ่าน 10,560 ครั้ง
จะจำใบหน้าของใครให้ได้แม่นยำ ต้องจ้องคอยดูที่ลูกตา
จะจำใบหน้าของใครให้ได้แม่นยำ ต้องจ้องคอยดูที่ลูกตา
เปิดอ่าน 32,751 ครั้ง
ดอกคำฝอย สมุนไพรปกป้องหัวใจ ลดไขมันในเลือด
ดอกคำฝอย สมุนไพรปกป้องหัวใจ ลดไขมันในเลือด
เปิดอ่าน 2,068 ครั้ง
กรมอนามัย เผยวัยทำงานสุขภาพแย่ แนะกินถูกหลัก ออกกำลังกาย ลดเครียด
กรมอนามัย เผยวัยทำงานสุขภาพแย่ แนะกินถูกหลัก ออกกำลังกาย ลดเครียด
เปิดอ่าน 15,271 ครั้ง
นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2558
นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2558
เปิดอ่าน 81,181 ครั้ง
เสียงทุ้ม-เสียงแหลม
เสียงทุ้ม-เสียงแหลม

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ