ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ชื่อเรื่องการวิจัย : การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ผู้ทำวิจัย : นางสาวศศิมา อินทะสร้อย

ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาวิจัย

จากผลการศึกษาสภาพปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน 5 (ว23101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2562-2564 โรงเรียนเวียงนครวิทยาคม พบว่า นักเรียนขาดความสนใจในการเรียนรู้ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ โดยเฉพาะในเรื่อง สมการเคมี และในปีการศึกษา 2563 - 2564 นั้นในบางช่วงเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบออนไลน์ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาได้ไม่เต็มที่ อีกทั้งเนื้อหา เรื่อง สมการเคมี มีความซับซ้อนและเป็นนามธรรม เพราะเป็นเนื้อหาที่ศึกษาเกี่ยวกับสสาร และการเปลี่ยนแปลงของสารทั้งในระดับอะตอมหรือโมเลกุล ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จึงยากต่อการทำความเข้าใจ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขและวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับนักเรียนในการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์

ด้วยเหตุนี้ครูผู้สอนจึงนำเอาสื่อสถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) ซึ่งเป็นสื่อที่ทำให้นักเรียนได้เห็นภาพเหตุการณ์ ปรากฏการณ์เสมือนจริงและทำให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในชั้นเรียน มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ที่เน้นการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติและสืบหาความรู้ด้วยตนเอง เพื่อใช้สอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ รับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง สมการเคมี โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มมากขึ้นต่อไป

วัตถุประสงค์การวิจัย

1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนและหลังเรียน

2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ขอบเขตการวิจัย

กลุ่มเป้าหมายที่ศึกษา : นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเวียงนครวิทยาคม

ตัวแปร :

ตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น

การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation)

ตัวแปรตาม

1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

2) ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สมการเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

เนื้อหา : สมการเคมี

ระยะเวลา : ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 2 คาบเรียน

นิยามศัพท์เฉพาะ : 1. การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) หมายถึง การจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นหาความรู้ และสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง ผ่านทางการใช้สถานการณ์จำลองเชิงปฏิสัมพันธ์ของ PhET เรื่อง สมการเคมี

2. ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ หมายถึง ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี ทางด้านวิธีการสอนและกิจกรรม ด้านสื่อการสอน และด้านการวัดและประเมินผล

ประโยชน์ที่ได้รับ : ครูผู้สอนสามารถนำการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) ไปใช้กับเนื้อหาอื่น ๆ ได้

แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง : 1. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ เรื่อง สมการเคมี

2. การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)

3. สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation)

4. ความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้

วิธีดำเนินการวิจัย

รูปแบบการทดลอง : แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลัง (One-Group Pretest Posttest Design)

กลุ่มเป้าหมายที่ศึกษา : นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเวียงนครวิทยาคม โดยเลือกแบบเจาะจง

เครื่องมือการวิจัย : 1. แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี ของนักเรียนระดับชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 3

2. แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน เรื่อง สมการเคมี

3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง

(Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี

การเก็บรวบรวมข้อมูล : 1. วัดผลจากแบบทดสอบเรื่อง สมการเคมี ก่อนการเรียนด้วยแบบทดสอบที่ ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น

2. จัดการเรียนรู้ด้วยการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี

ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยทำการจัดการเรียนการสอน 2 คาบ ขณะจัดการเรียนรู้ผู้วิจัย ได้สังเกตและบันทึกพฤติกรรมของ

นักเรียนตรวจและให้คะแนนการทำกิจกรรมและใบงานต่าง ๆ

3. วัดผลจากแบบทดสอบ เรื่อง สมการเคมี หลังการเรียนด้วยแบบทดสอบชุดเดียวกับแบบทดสอบก่อนเรียน

4. สำรวจความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง

(Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี

การวิเคราะห์ข้อมูล : การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้

1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลในรูปค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยการวิเคราะห์ด้วยการทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent sample t-test

2. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) โดยทำการวิเคราะห์เป็นรายข้อ และภาพรวมหลังจากนั้นนำค่าเฉลี่ยที่ได้มาแปลความหมายตามเกณฑ์ดังนี้ (ไชยยศ เรืองสุวรรณ,2534)

ค่าเฉลี่ย 4.50-5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

ค่าเฉลี่ย 3.50-4.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก

ค่าเฉลี่ย 2.50-3.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง

ค่าเฉลี่ย 1.50-2.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย

ค่าเฉลี่ย 0.50-1.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด

สรุปผลการวิจัย : ผลของการวิจัยในครั้งนี้พบว่า

1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการเคมี ก่อนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยหลังเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการเคมี เพิ่มขึ้นพัฒนาจากค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนเท่ากับ 7.80 คะแนน และหลังเรียนเท่ากับ 13.90 คะแนน

2. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับใช้สถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) เรื่อง สมการเคมี มีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.25 คิดเป็นร้อยละ 85.00 อยู่ในระดับพึงพอใจมาก

การสะท้อนผล/ข้อเสนอแนะ : ผู้นำผลวิจัยไปใช้ควรสำรวจความพร้อมของอุปกรณ์การเรียนของผู้เรียนก่อนการนำวิจัยไปใช้เพราะการสอนโดยสถานการณ์จำลอง (Interactive Simulation) ผู้เรียนจำเป็นต้องมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ ไอแพด/แท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์

โพสต์โดย กะติ้ว : [25 พ.ค. 2566 เวลา 11:49 น.]
อ่าน [3384] ไอพี : 223.206.221.171
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 8,266 ครั้ง
School Change Maker festival พลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี
School Change Maker festival พลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี

เปิดอ่าน 1,972 ครั้ง
กรมอนามัย เผยไข่ต้มคลุกน้ำปลาสารอาหารไม่พอ เด็กวัยเรียนควรกินไข่คู่กับอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย
กรมอนามัย เผยไข่ต้มคลุกน้ำปลาสารอาหารไม่พอ เด็กวัยเรียนควรกินไข่คู่กับอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย

เปิดอ่าน 32,125 ครั้ง
ล้างพิษตับ ขับสารพิษ...เทรนด์สุขภาพสุดฮิต พ.ศ. นี้
ล้างพิษตับ ขับสารพิษ...เทรนด์สุขภาพสุดฮิต พ.ศ. นี้

เปิดอ่าน 12,749 ครั้ง
หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกข้าราชการครูฯ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์
หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกข้าราชการครูฯ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์

เปิดอ่าน 13,397 ครั้ง
คุณประโยชน์ต่างๆของผักโดยเฉพาะ
คุณประโยชน์ต่างๆของผักโดยเฉพาะ

เปิดอ่าน 16,444 ครั้ง
การประยุกต์ทฤษฎีการเรียนรู้ในระบบการศึกษาทางไกลอิเล็กทรอนิกส์
การประยุกต์ทฤษฎีการเรียนรู้ในระบบการศึกษาทางไกลอิเล็กทรอนิกส์

เปิดอ่าน 10,825 ครั้ง
ออกกำลังกาย สู้หวัด 2009
ออกกำลังกาย สู้หวัด 2009

เปิดอ่าน 19,425 ครั้ง
เหงื่อบอกโรค
เหงื่อบอกโรค

เปิดอ่าน 13,693 ครั้ง
ทั้งซาบซึ้ง-สะเทือนใจ หนูน้อย 7 ขวบสละชีวิต บริจาค"ไต"เพื่อช่วยชีวิตแม่
ทั้งซาบซึ้ง-สะเทือนใจ หนูน้อย 7 ขวบสละชีวิต บริจาค"ไต"เพื่อช่วยชีวิตแม่

เปิดอ่าน 20,194 ครั้ง
ไผ่บงหวาน..บ้านนาทุ่ม สร้างรายได้เดือนละแสน
ไผ่บงหวาน..บ้านนาทุ่ม สร้างรายได้เดือนละแสน

เปิดอ่าน 2,099 ครั้ง
กรดไหลย้อน และการรักษากรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน และการรักษากรดไหลย้อน

เปิดอ่าน 2,458 ครั้ง
เลเซอร์รักแร้ IPL vs YAG เลือกยังไงให้เหมาะกับผิวและได้ผลดีในระยาว
เลเซอร์รักแร้ IPL vs YAG เลือกยังไงให้เหมาะกับผิวและได้ผลดีในระยาว

เปิดอ่าน 19,078 ครั้ง
ปัญหาเรื่องตา ในผู้ป่วยเบาหวาน
ปัญหาเรื่องตา ในผู้ป่วยเบาหวาน

เปิดอ่าน 13,691 ครั้ง
รับประทาน "ไก่พื้นเมือง" ดีต่อสุขภาพอย่างไร
รับประทาน "ไก่พื้นเมือง" ดีต่อสุขภาพอย่างไร

เปิดอ่าน 17,734 ครั้ง
สุดทึ่ง นักโบราณคดีอึ้ง รูปปั้นนักรบเฝ้าสุสานจีน 7 พันตัว ถูกปั้น"ตามใบหน้าจริงแต่ละคน
สุดทึ่ง นักโบราณคดีอึ้ง รูปปั้นนักรบเฝ้าสุสานจีน 7 พันตัว ถูกปั้น"ตามใบหน้าจริงแต่ละคน

เปิดอ่าน 12,143 ครั้ง
แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
เปิดอ่าน 15,786 ครั้ง
ทางออกของวิกฤตการศึกษาไทยภายใต้การใช้อำนาจตาม ม.44 ของ คสช.
ทางออกของวิกฤตการศึกษาไทยภายใต้การใช้อำนาจตาม ม.44 ของ คสช.
เปิดอ่าน 12,632 ครั้ง
6 เหตุผลน่าแปลกใจ ทำไมถึงนอนไม่หลับ
6 เหตุผลน่าแปลกใจ ทำไมถึงนอนไม่หลับ
เปิดอ่าน 19,617 ครั้ง
ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กปัญหาคุณภาพคนรากหญ้า...สู่ปัญหาชาติ
ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กปัญหาคุณภาพคนรากหญ้า...สู่ปัญหาชาติ
เปิดอ่าน 12,593 ครั้ง
10 เหตุผลที่ทำให้คุณกลายเป็นคนอ้วน
10 เหตุผลที่ทำให้คุณกลายเป็นคนอ้วน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ