เรื่อง การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง และโน้มน้าวใจ รายวิชา ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบ
การจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) ประจำปี 2565
ผู้ศึกษา นางภรณ์ณภัส จำปาทอง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
ปีการศึกษา 2565
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน เรื่องการพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้งและโน้มน้าวใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านการพูดก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนเรื่องการพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง และโน้มน้าวใจ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 ที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนลานทรายพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 22 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย (1) แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา
ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง และโน้มน้าวใจ จำนวน 8 แผน ได้แก่ 1) การพูดดี มีเสน่ห์ 2) การพูดแสดงทรรศนะ 3) กลวิธีการพูดโน้มน้าวใจ 4) การโต้แย้งอย่างไรให้น่ารัก 5) หลักการโต้วาที 6) การเขียนบทพูดโต้วาที 7) การจัดกิจกรรมการพูดโต้วาที และ 8) คุณค่าในการพัฒนาทักษะการพูด (2) แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน เรื่อง เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง และโน้มน้าวใจ จำนวน 40 ข้อ เป็นแบบทดสอบชุดเดียวกันแต่มีการสลับข้อกัน (3) แบบประเมินความสามารถด้านการพูด โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจริง ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ และ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง และโน้มน้าวใจ จำนวน 1 ฉบับ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Mean), ค่าร้อยละของค่าเฉลี่ย (Percentage) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation
ผลการศึกษาพบว่า
1. พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าวใจ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนลานทรายพิทยาคม ปีการศึกษา 2565 หลังการใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) สูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากผลการประเมินคะแนนทดสอบความรู้หลังการใช้รูปแบบการเรียนการสอนมีคะแนนโดยรวมเฉลี่ย เท่ากับ 35.14 คิดเป็นร้อยละ 87.84
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนลานทรายพิทยาคม ปีการศึกษา 2565 มี
ทักษะการพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง และโน้มน้าวใจ โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) อยู่ในระดับดี - ดีมาก จำนวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 100 มีผลการทดสอบก่อนเรียนอยู่ในระดับดี จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 18.18 และอยู่ในระดับดีมากหลังเรียน จำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 86.36
3. ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนเรื่อง การพูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง และ
โน้มน้าวใจ รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) ปีการศึกษา 2565 มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 7 ข้อ และมีค่าเฉลี่ยยอยู่ในระดับมาก จำนวน 4 ข้อ และมีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เท่ากับ 4.51 เมื่อจำแนกเป็นรายข้อ พบว่า ข้อ 6 สื่อวีดีโอที่ครูนำมาใช้มีประโยชน์ในการพัฒนาการพูด มีค่าเฉลี่ยสูงสุด เท่ากับ4.75 และ นักเรียนมีความมั่นใจในการพูดมากขึ้น มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.20
ข้อเสนอแนะ
1. ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยควรจัดกิจกรรมให้มีการฝึกพูดและฝึกเขียนในทุกชั้นปี เพราะการจัดกิจกรรมให้นักเรียนฝึกพูด เป็นการฝึกให้นักเรียนได้ค้นคว้าหาความรู้ แล้วนำเรียบเรียงเป็นบทเขียนก่อนพูด ทำให้นักเรียนเข้าใจโครงสร้างของการเขียนและการพูดไปในตัว ครูควรใช้คำถามตามหลักการโค้ชชิ่งเพื่อให้นักเรียนได้เกิดความรู้และความคิดและความเข้าใจบทเรียนที่ถูกต้อง และควรเสริมแรงทางบวกเพียงด้านเดียวก่อนในการฝึกพูด ไม่ตำหนิให้เสียใจ เพื่อสร้างให้นักเรียนเกิดความกล้าและรู้สึกว่ามีคุณค่าเกิดความความภาคภูมิใจในตนเองในเวลาต่อมา ซึ่งความภาคภูมิใจในตนเองนี้เองเป็นบ่อเกิดความเชื่อมั่นและความเป็นผู้นำในที่สุด
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (CBL) เป็นรูปแบบหนึ่งที่เหมาะสมที่สามารถนำมาใช้สอนในรายวิชาภาษาไทยรวมทั้งรายวิชาอื่นๆ ในยุคศตวรรษที่ 21 เพราะสามารถสร้างให้นักเรียนได้ทั้งความรู้ ทักษะ และเกิดความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นพื้นฐานให้มนุษย์เกิดความฉลาดทางปัญญา