หัวข้อการศึกษา การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิต
ประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางจันทร์พร ทังเฮียง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ(ชะอำวิทยาคาร) สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
ปีการศึกษา 2565
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ (ชะอำวิทยาคาร) 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ (ชะอำวิทยาคาร) สังกัดเทศบาลเมืองชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียน 33 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ได้แก่ รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตัวแปรตาม (Dependent Variables) ได้แก่ ความสามารถทางทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ใช้ระยะในการทดลองสอนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รวมทั้งสิ้น 20 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดความสามารถการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 30 ข้อ สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มตัวอย่างไม่อิสระ ค่าดัชนีประสิทธิผล และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทย นักเรียน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านชะอำ (ชะอำวิทยาคาร) สาเหตุของปัญหาการอ่านคิดวิเคราะห์ และเขียนภาษาไทย จากการสนทนากลุ่ม พบว่า มีสาเหตุมาจาก 4 ประการคือ ประการแรก ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ คือ ขาดการสร้างบรรยากาศในกระบวนการเรียนการสอนในการส่งเสริมให้นักเรียนสนใจใฝ่เรียนรู้ในการเขียนภาษาไทย ประการที่สอง ด้านสื่อการเรียนการสอน พบว่า ขาดเทคนิคการสื่อสารในการจัดกิจกรรมที่ทำให้นักเรียนสนุกสนานกับการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ประการที่สาม ด้านการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ พบว่ามีรูปแบบการเรียนการสอนแบบเดิม ไม่มีการใช้เทคนิคการสร้างกิจกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการเรียนการสอน และประการสุดท้าย พบว่า นักเรียนขาดความสนใจในการเรียนรู้ภาษาไทย เบื่อหน่ายกับการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ทำให้เกิดความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การสอนวิชาภาษาไทย และจากการสัมภาษณ์ครูสอนวิชาภาษาไทย พบว่า ครูมีความจำเป็นและมีความต้องการด้านการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยในทักษะการคิด เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วิชาภาษาไทยที่เน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองเป็นสำคัญ และต้องการมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ มีการเรียนรู้จากสื่อที่หลากหลาย จากความต้องการดังกล่าวจึงทำให้เกิดรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2.1 ได้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน มีองค์ประกอบของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน สาระการเรียนรู้ และขั้นตอนการจัดกิจกรรม 6 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นนำ ขั้นที่ 2 แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ขั้นที่ 3 สร้างความรู้ร่วมกัน ขั้นที่ 4 นำเสนอความรู้ ขั้นที่ 5 ลงมือปฏิบัติ และขั้นที่ 6 สรุปองค์ความรู้และประเมิน โดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และได้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 6 ชุดได้แก่ ชุดที่ 1 เขียนข้อความตามสถานการณ์ ชุดที่ 2 เขียนประวัติส่วนตัว ชุดที่ 3 เขียนย่อความ ชุดที่ 4 เขียนจดหมายกิจธุระ ชุดที่ 5 เขียนบทโฆษณา และชุดที่ 6 เขียนรายงาน
2.2 ผลการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 พบว่า ผลการทดลองแบบรายบุคคล มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 88.06/87.50 ผลการทดลองแบบกลุ่มเล็ก มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 86.44/90.00 และผลการทดลองแบบภาคสนาม มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 83.35/86.08 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน
3.1 ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 86.93/87.95 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3.2 ดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.80 แสดงให้เห็นว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น 0.80 หรือ คิดเป็นร้อยละ 80.00
4. ผลการประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
4.1 คะแนนเฉลี่ยของผลพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ก่อนเรียน มีคะแนนเท่ากับ 16.18 คะแนน และมีคะแนนหลังเรียนเท่ากับ 35.18 คะแนนเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนสอบทั้งสองครั้ง พบว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4.2 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ active learning โดยใช้ทฤษฎีการสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนในชีวิตประจำวัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด