ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ โดยใช้สื่อสไลด์แบบ Active Learning วิชาประวัติศาสตร์ เรื่อง การเสื่อมอำนาจของอาณาจักรอยุธยา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

สภาพปัจจุบัน / ปัญหา

การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ คือจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษาที่สำคัญอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ยังต้องการให้นักเรียนมีพัฒนาการ ทางด้านสังคม มีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative Learning) ซึ่งเป็นกระบวนการสร้าง หรือพัฒนาองค์ความรู้ขึ้นโดยผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เป็นสิ่งอำนวยประโยชน์อย่างมาก สำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคม การทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะและส่งผลไปสู่การสร้าง ความเจริญก้าวหน้า และความสำเร็จในการดำเนินชีวิตทั้งด้านการเรียน การประกอบอาชีพ รวมถึง การทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งบุคคลใดที่มีพัฒนาการทางด้านสังคมตามปกติย่อมมีความสามารถ ในการปรับตัวเข้ากับสังคมได้เป็นอย่างดี ย่อมได้รับการยอมรับจากกลุ่ม ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ มั่นคง ปลอดภัย (นพมาศ อุ้งพระ, 2555) ส่งผลให้ได้พัฒนาความสามารถที่มีอยู่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อตนเองและส่วนรวมอย่างเต็มที่ แต่ในทางตรงข้ามถ้าบุคคลใดในสังคมมีลักษณะการปรับตัวเข้ากับ ผู้อื่นได้ยาก ก็ย่อมส่งผลกระทบมาสู่ตนเองและสังคมด้วย

ประกอบกับระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนให้มีการปรับลดระยะเวลาเรียนภาควิชาการหรือภาคทฤษฎีลดลง แต่ยังคงไว้ซึ่งเนื้อหาหลักที่ผู้เรียนควรรู้ตามมาตรฐานของหลักสูตร และให้ครูผู้สอนปรับเปลี่ยนวิธีการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเพิ่มเวลาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงมากขึ้น ภายใต้โครงการ ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เชื่อมโยง กับการปฏิรูปการเรียนการสอนในยุคประเทศไทย 4.0 ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย ให้ผู้เรียนมีบทบาทในการเรียนรู้มากขึ้น ครูลดบทบาทการสอนด้วยการบอกเล่า การให้ข้อความรู้แก่ผู้เรียนโดยตรง ไปเป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมที่จะท าให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย ผู้สอนต้องเป็นครูแบบ Actively Teach คือ สอนแบบมีส่วนร่วม จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้ตลอดเวลาเป็นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยผู้สอนสามารถนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุกไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามมาตรฐานและตัวชี้วัดในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทุกรายวิชา รวมถึงนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้อื่น

กระบวนการเรียนการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ และการเรียนรู้ร่วมกับบุคคลอื่น เป็นการพัฒนากลุ่มคนโดยมีการจัดการเรียนรู้ที่มีปฏิสัมพันธ์กันโดยมีการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้ วัฒนธรรม อารมณ์ และสังคมร่วมกัน ทำให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคดิ เกิดการเรียนที่หลากหลาย ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน เป็นการปลูกฝังนิสัยที่ดีงาม การทำงานร่วมกันทำให้พัฒนาทักษะ

ทางสังคม และทักษะการทำงานที่ดีด้วย แต่สภาพปัญหาจากการสอนนักเรียนประถมศึกษาตอนปลายที่ผ่านมาพบว่า การจัดการเรียนการสอนไม่ได้เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น ถึงจะมีการจัดการเรียนการสอน โดยมีการแบ่งกลุ่มแต่ขาดการพึ่งพาระหว่างสมาชิก สมาชิกขาดความรับผิดชอบ ขาดกระบวนการในการทำงานกลุ่มทำให้เกิดปัญหา คือ ผู้เรียนมีเจตคติที่ไม่ดีต่อการทำงานกลุ่ม โดยเฉพาะผู้เรียนที่มีผลการเรียนต่ำ ซึ่งส่งผลให้เกิดความแตกต่างระหว่างบุคคล

จากปัญหาดังกล่าวผู้นวัตกรรมมีความสนใจที่จะพัฒนาการเรียนรู้ทางการเรียน ในรายวิชาประวัติศาสตร์ เพราะจะทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันเพื่อให้กลุ่มผู้เรียนได้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งจะต้องอาศัยเทคนิคต่าง ๆ เข้าไปช่วยในกิจกรรมมากมาย ได้แก่ เทคนิคการสร้างความสนใจ (Engage) เทคนิคการสำรวจและค้นคว้า(Explore) เทคนิคการการอธิบาย (Explain) เทคนิคการขยายความรู้ (Elaborate) และเทคนิคการ ประเมิน (Evaluate)

วิธีการจัดกิจกรรมดังกล่าว จะเป็นวิธีที่เหมาะสมกับผู้เรียน เพราะจะทำให้ผู้เรียนได้มีการปฏิสัมพันธ์กัน และเป็นการเรียนที่ใช้เทคนิคต่าง ๆ ที่ทำให้นักเรียนไม่เบื่อหน่าย และจำเจกับการเรียน

ซึ่งกระบวนการที่นำมาทำนวัตกรรมนี้ เป็นการจัดการศึกษาที่ต้องเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และให้ผู้อื่นได้อย่างมีความสุข สอดคล้องกับแนวคิดทางการศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์ ให้ผู้เรียนแต่ละคนได้มีพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองไปตามความสามารถ แต่ต้องมีทักษะในการทำงานร่วมกันทำให้พัฒนาทั้งทักษะทางสังคมและการทำงานที่ดีด้วย ด้วยเหตุนี้ ผู้นวัตกรรมจึงได้นำกิจกรรมการเรียนดังกล่าว มาใช้ในชั้นเรียน ซึ่งน่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนเรียนอย่างมีความสุขอย่างแท้จริง และจะเป็นประโยชน์ตลอดจนเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของผู้สอนอีกต่อไป

ผลสำเร็จที่ได้

จะเห็นว่าหลังจากการจัดการศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ โดยใช้สื่อสไลด์แบบ Active Learning วิชาประวัติศาสตร์ เรื่อง การเสื่อมอำนาจของอาณาจักรอยุธยา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ซึ่งเป็นการให้โอกาสนักเรียนได้ทำงาน ค้นคว้า สอบถามอย่างอิสระ ทำกิจกรรม และแบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ตามที่ผู้สอนได้เตรียมไว้นั้น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีพัฒนาการ ในระดับ สูง ในอัตราร้อยละ 80.00 โดยมีคะแนนเฉลี่ยหลัง การทดลองมากกว่า ก่อนการทดลอง เพิ่มขึ้น 8.00 คะแนน และนักเรียนที่มีร้อยละ ของระดับพัฒนาการ มากที่สุด ได้แก่นักเรียนเลขที่ 2 4 10 11 12 และเลขที่ 13 ระดับพัฒนาการเท่ากับ 55.00 และ การพัฒนาการเรียนรู้ทางการเรียน ของภาพรวม อยู่ในระดับสูง อัตราร้อยละ 80.00

ประโยชน์ที่ได้รับ

1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และมีทักษะเชิงคิดวิเคราะห์ต่อเนื้อหาวิชาเรียนเพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ต่อเรียนในชั้นที่สูงขึ้น

2. ครูผู้สอนสามารถพัฒนา และนำสื่อสไลด์แบบ Active Learning ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนวิชาอื่นได้

โพสต์โดย ผไท คำภีระ : [26 เม.ย. 2566 เวลา 08:16 น.]
อ่าน [2275] ไอพี : 49.228.115.106
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 1,014 ครั้ง
ปีชง 2567 มีปีนักษัตรใดบ้าง
ปีชง 2567 มีปีนักษัตรใดบ้าง

เปิดอ่าน 10,820 ครั้ง
ชวนรู้เรื่อง "มะเร็งลำไส้"
ชวนรู้เรื่อง "มะเร็งลำไส้"

เปิดอ่าน 3,342 ครั้ง
พิกเซล (Pixel)
พิกเซล (Pixel)

เปิดอ่าน 11,910 ครั้ง
35 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ของคนวัย 35 ที่น่าเลียนแบบ
35 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ของคนวัย 35 ที่น่าเลียนแบบ

เปิดอ่าน 8,617 ครั้ง
บทบาทผู้นำองค์กร 2020
บทบาทผู้นำองค์กร 2020

เปิดอ่าน 120,869 ครั้ง
ประวัติของแคน อัครเครื่องดนตรีอีสาน
ประวัติของแคน อัครเครื่องดนตรีอีสาน

เปิดอ่าน 37,047 ครั้ง
รายงานการวิจัยและพัฒนานโยบายกาศึกษาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2553)
รายงานการวิจัยและพัฒนานโยบายกาศึกษาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2553)

เปิดอ่าน 15,879 ครั้ง
"ข่า" แก้ไอเจ็บคอเสมหะผู้ใหญ่
"ข่า" แก้ไอเจ็บคอเสมหะผู้ใหญ่

เปิดอ่าน 42,492 ครั้ง
เป้าหมายของเทคโนโลยีการศึกษา
เป้าหมายของเทคโนโลยีการศึกษา

เปิดอ่าน 24,270 ครั้ง
AutoPlay Media Studio
AutoPlay Media Studio

เปิดอ่าน 20,254 ครั้ง
การประดับพระบรมฉายาลักษณ์
การประดับพระบรมฉายาลักษณ์

เปิดอ่าน 12,258 ครั้ง
ในอนาคตคาดว่าจะมีวิธีการประเมินเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งผอ.-รองผอ.โรงเรียน มากกว่าการสอบข้อเขียนเพียงอย่างเดียว
ในอนาคตคาดว่าจะมีวิธีการประเมินเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งผอ.-รองผอ.โรงเรียน มากกว่าการสอบข้อเขียนเพียงอย่างเดียว

เปิดอ่าน 4,386 ครั้ง
ประวัติ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ประวัติ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

เปิดอ่าน 63,171 ครั้ง
กำจัดแก๊สในร่างกายด้วยท่าง่าย ๆ
กำจัดแก๊สในร่างกายด้วยท่าง่าย ๆ

เปิดอ่าน 16,272 ครั้ง
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ

เปิดอ่าน 10,099 ครั้ง
รู้เรา รู้ใคร... จากนิสัยท่องเที่ยว
รู้เรา รู้ใคร... จากนิสัยท่องเที่ยว
เปิดอ่าน 15,333 ครั้ง
รังนก
รังนก
เปิดอ่าน 34,459 ครั้ง
กินเจ-มังสวิรัติ ต่างกันอย่างไร
กินเจ-มังสวิรัติ ต่างกันอย่างไร
เปิดอ่าน 12,083 ครั้ง
เช้าควบเที่ยง เสี่ยงโรคอ้วน
เช้าควบเที่ยง เสี่ยงโรคอ้วน
เปิดอ่าน 15,850 ครั้ง
โทรภาพ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 7
โทรภาพ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 7

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ