ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษา
เพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางสาวศิรารัตน์ วิชัยวงษ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนดอนเงินพิทยาคาร อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม
ปีที่ศึกษา พ.ศ. 2565
บทคัดย่อ
วิจัยเรื่องการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มเป้าหมาย คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 13 คน โรงเรียนดอนเงินพิทยาคาร สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ที่ศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบฝึกทักษะ 8 เล่ม รวมเวลาเรียน 16 ชั่วโมง เครื่องมือวัดผลประเมินผล คือแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 8 ฉบับ รวม 80 ข้อแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 40 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ 20 ข้อ และ แผนการจัดการเรียนรู้ 8 แผน สถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ ค่าดัชนีประสิทธิผล และทดสอบค่า t ผลการศึกษาปรากฏผล ดังนี้
1. การศึกษาสภาพปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME
Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่าสภาพปัจจุบัน มีปัญหาการจัดการเรียนการสอน ด้านวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การใช้สื่อ และประกอบกับครูมีความต้องการในการพัฒนาเทคนิคหรือกระบวนการจัดการเรียนการสอน เพื่อช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน นักเรียนมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม หรือฝึกทักษะกระบวนการต่างๆ น้อยมาก นักเรียนได้รับการจัดการเรียนรู้แบบบรรยายเป็นส่วนมาก คณะกรรมการสถานศึกษาและผู้ปกครอง นักเรียนต้องการให้ครูจัดการเรียนการสอนโดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ ได้ฝึกคิด ฝึกการทำงานกลุ่ม และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีทักษะด้านการเขียนเพื่อการสื่อสารและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ผลการพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (Development : D1) พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร มีค่าดัชนีประสิทธิผลรวมเฉลี่ยเท่ากับ 73.35 หรือมีประสิทธิผลอยู่ในระดับดี แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าด้านการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 73.35 สูงกว่าเกณฑ์ 65 โดยแบบฝึกทักษะที่มีประสิทธิผลดีที่สุด คือ เล่มที่ 8 เรื่องการสื่อสารเพื่อกิจธุระ (E.I.=77.30) รองลงมา คือ เล่มที่ 7 เรื่อง การส่งสารด้วยการเขียน (E.I. = 75.93) แบบฝึกทักษะที่มีประสิทธิผลต่ำที่สุด คือ เล่มที่ 1 เรื่อง การสื่อสารของมนุษย์ (E.I. = 68.45) รองลงมา คือเล่มที่ 2 เรื่อง การรับสารด้วยการฟัง (E.I. = 70.48)
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า 1) ประสิทธิภาพของ รูปแบบการจัดการเรียนรู้การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร มีประสิทธิภาพรวมเฉลี่ย เท่ากับ 85.45/84.72 สูงกว่าเกณฑ์ 80/8 โดยแบบฝึกทักษะที่มีค่าประสิทธิภาพมากที่สุด คือ เล่มที่ 8 เรื่อง การสื่อสารเพื่อกิจธุระ (E1 = 88.03) รองลงมาคือ เล่มที่ 7 เรื่อง การส่งสารด้วยการเขียน (E1 = 87.28) แบบฝึกทักษะที่มีค่าประสิทธิภาพต่ำที่สุด คือ เล่มที่ 1 เรื่อง การสื่อสารของมนุษย์ (E1 = 81.97) รองลงมาคือ เล่มที่ 2 เรื่อง การรับสารด้วยการฟัง (E1 = 83.38) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการสอบย่อยทั้ง 8 เล่ม สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ MAPME Model เพื่อส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด รายข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ นักเรียนมีเจตคติทางการเรียนที่ดีจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร รองลงมา คือแบบฝึกทักษะช่วยแก้ปัญหาการเรียนไม่ทันเพื่อน รายข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือเนื้อหาในแบบฝึกทักษะทุกเล่มมีสาระที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ รองลงมา คือ แบบฝึกทักษะสะดวกในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตนเองทั้งในเวลาว่างและที่บ้าน