|
|
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประเมินความเหมาะสมของตัวบ่งชี้รูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย 2) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นของรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย 3) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 4) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 5) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านและเขียนคำภาษาไทยของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง ผู้วิจัยดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เป็นการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเพื่อนำมากำหนดตัวบ่งชี้การเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง รวมทั้งการศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ของการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง กลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) และกลุ่มตัวอย่าง คือ ครูผู้สอนภาษาไทย จำนวน 175 คน โดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เป็นการตรวจสอบความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของโปรแกรม กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ระยะที่ 3 การทดลองใช้และปรับปรุงรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เป็นการนำรูปแบบไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 เลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ได้จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) รูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 2) แบบประเมินตัวบ่งชี้ของรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง 3) แบบสอบถามสภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์ของรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย 4) แผนการจัดการเรียนรู้ 5) แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง 6) แบบประเมินทักษะการอ่านและการเขียนคำ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเองโดยใช้ค่า E1/E2 และทำการทดสอบสมมติฐานด้วย t-test (Dependent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการประเมินความเหมาะสมของตัวบ่งชี้รูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย พบว่า ตัวบ่งชี้การเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
2. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันของการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนสภาพที่พึงประสงค์ของการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และลำดับความต้องการจำเป็นในการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง พบว่า การค้นหาข้อมูล มีความต้องการจำเป็นในการพัฒนามากที่สุด รองลงมาคือ การกำกับพฤติกรรมตนเองในการเรียน และข้อที่มีความต้องการจำเป็นในการพัฒนาน้อยที่สุด คือ การปฏิบัติให้เกิดการเรียนรู้
3. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วยขั้นตอนการเรียนรู้ 4 ขั้นตอน ได้แก่ 3.1) ขั้นการกำหนดเป้าหมายและสร้างแรงบันดาลใจ (Goal orientation and inspiring learning) (G) 3.2) ขั้นทำความเข้าใจในเนื้อหา (Content Understanding) (C) 3.3) ขั้นการฝึกและเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-training and learning) (S) 3.4) ขั้นประเมินและทบทวนผลการเรียนรู้ (Assess and review learning) (A) 4) การประเมินผล และ 5) เงื่อนไขสำคัญในการนำรูปแบบไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จ โดยมีความเหมาะสม และความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด
4. รูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (GCSA Model) ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น เมื่อนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง มีประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ 82.19/81.44 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
5. ความสามารถในการอ่านและเขียนคำภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียน โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (GCSA Model) สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
นอกจากนี้ผู้วิจัยยังพบว่า รูปแบบการเรียนรู้เชิงรุกและการกำกับตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนคำภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (GCSA Model) สามารถพัฒนานักเรียนให้มีทักษะการอ่านและการเขียนคำภาษาไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จะต้องให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามความถนัด ช่วยกันจดการออเสียง และจดจำรูปการเขียนคำ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการออกเสียงและการเขียนคำ นักเรียนจึงต้องมีการฝึกฝนทักษะที่มากเพียงพอ โดยต้องนำความรู้ที่ได้รับไปฝึกฝนในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และครูต้องส่งเสริมและให้กำลังใจนักเรียนแม้ว่าจะออกเสียงผิดในช่วงเริ่มต้น และให้ครูที่มีความรู้ความสามารถร่วมประเมินทักษะการอ่านของนักเรียน
|
โพสต์โดย กัลยารัตน์ หรัญรัตน์ : [24 มี.ค. 2566 เวลา 19:40 น.] อ่าน [3014] ไอพี : 49.237.12.52
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 46,397 ครั้ง
| เปิดอ่าน 7,817 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,525 ครั้ง
| เปิดอ่าน 48,243 ครั้ง
| เปิดอ่าน 44,346 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,442 ครั้ง
| เปิดอ่าน 28,817 ครั้ง
| เปิดอ่าน 42,957 ครั้ง
| เปิดอ่าน 1,459 ครั้ง
| เปิดอ่าน 27,945 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,033 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,087 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,839 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,884 ครั้ง
| เปิดอ่าน 31,739 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 12,489 ครั้ง
| เปิดอ่าน 30,390 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,288 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,192 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,116 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|