การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวอคิตะ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวอคิตะ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวอคิตะ 4) เพื่อศึกษาความความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวอคิตะ 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวอคิตะ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 เลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ได้จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 27 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วย t-test (Dependent)
ผลการวิจัย พบว่า
1. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวอคิตะ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.56/85.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
2. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางอคิตะ มีค่าเท่ากับ 0.7706 หรือคิดเป็นร้อยละ 77.06
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้จัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวอคิตะ มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้จัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวอคิตะ
มีคะแนนของการทดสอบหลังเรียน และหลังเรียนผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ ไม่แตกต่างกัน
5. ความพึงพอใจนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามแนวอคิตะ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด