ชื่อเรื่องงานวิจัย การวิจัยเรื่อง การศึกษาสภาพและปัญหาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูโรงเรียนบ้านแม่ตีบ ปีการศึกษา 2565
บทคัดย่อ
ในการดำเนินการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูผู้สอนในโรงเรียนบ้านแม่ตีบ จำนวน 15 คน ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสอบถาม จำนวน 1 ฉบับ แบ่งออกเป็น 4 ตอน ดังนี้แบ่งออกเป็น 4 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 สอบถามเกี่ยวกับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตอนที่ 3 สอบถามเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ตอนที่ 4 สอบถามเกี่ยวกับปัญหาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนบ้านแม่ตีบ พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อในแต่ละด้าน ปรากฏผลดังนี้
1.1 รูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกที่ครูผู้สอนนำมาใช้จัดการเรียน การสอน พบว่า ส่วนใหญ่ครูผู้สอนใช้การสอนแบบใช้คำถาม (Questioning Method) และการเรียนรู้โดยรูปแบบโครงงาน (Project-based Learning) รองลงมา ได้แก่ การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games-based Learning) การจัดการเรียนรู้แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think Pair Share) การเรียนรู้แบบสะท้อนความคิด (Students Reflection) การเรียนรู้โดยรูปแบบแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing) การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ (Analysis or reactions to videos) และการเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย (Mini-research proposals or project) และรูปแบบ/วิธีการอื่นๆ เช่น การสอนแบบการสอนภาษาเพื่อสื่อสาร (Communicative Language Teaching: CLT), GPAS
1.2 การจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโรงเรียนบ้านแม่ตีบในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการเขียนแผนการเรียนรู้เชิงรุก รองลงมา ได้แก่ ด้านการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้เชิงรุก ด้านการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก และด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
2. ปัญหาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ของครูโรงเรียนบ้านแม่ตีบ พบว่า ปัญหาที่พบมากที่สุดในแต่ละด้าน ดังนี้
(1) ด้านการเขียน แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ได้แก่ นักเรียนมีความแตกต่างรายบุคคลทำให้เขียนแผนการเรียนไม่ครอบคลุม
(2) ด้านการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก ได้แก่ การออกแบบกิจกรรมยังไม่สามารถตอบสนองผู้เรียนได้ทุกคน เนื่องจากผู้เรียนมีความแตกต่างเป็นรายบุคคล
(3) ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ได้แก่ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไม่สามารถกระตุ้นผู้เรียนได้ทุกคน นักเรียนยังไม่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม และผู้เรียนมีความแตกต่างรายบุคคลเกิดการเรียนรู้ไม่เท่าทันกัน
(4) ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้เชิงรุก ได้แก่การวัดผลและประเมินผลในบางกิจกรรมไม่สามารถดำเนินได้เนื่องจากนักเรียนมีความรู้ความสามรถที่แตกต่างกัน เช่น ทักษะการกล้าแสดงออก