ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหา ความต้องการจำเป็น และแนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ 3) ทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ และ 4) ปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ดำเนินการวิจัยและพัฒนาแบ่งเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัญหา ความต้องการจำเป็น และแนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ระยะที่ 2 การสร้างรูปแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ระยะที่ 3 ทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ และระยะที่ 4 ปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ กลุ่มตัวอย่างที่ใชในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ สังกัดสำนักการศึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 36 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย 1) แบบสอบถามสภาพปัจจุบันในการจัดการเรียนรู้ฯ 2) แบบสอบถามความต้องการสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3) แบบสัมภาษณ์แนวทางในการจัดการเรียนรู้ 4) แบบวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบ 5) แบบตรวจสอบประสิทธิภาพด้านความสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี ความเป็นไปได้ และความสอดคล้องของรูปแบบ 6) แบบประเมินชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น 7) แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาคณิตศาสตร์ (ค23102) สาระที่ 3 สถิติและความน่าจะเป็น 8) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น จำนวน 5 เล่ม และ 3) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 5 แผน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติพื้นฐาน ค่าเฉลี่ย (X ̅) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติการทดสอบที (t-test Dependent Samples) ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์และการสนทนากลุ่ม (Focus Group) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และนำเสนอผลโดยการพรรณนาความ ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาสภาพปัญหา และความต้องการจำเป็นในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 1.1) สภาพปัญหาปัจจุบันในการจัดการเรียนรู้ สภาพปัญหาในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง (X ̅ = 3.18, S.D. = 0.65) 1.2) นักเรียนความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ความต้องการจำเป็นในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X ̅ = 4.20, S.D. = 0.79) 1.3) แนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ แนวทางที่เหมาะสมในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น เพื่อกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ สร้างแผนการเรียนรู้ และสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย (1) เนื้อหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 เรื่อง สถิติ 3 และความน่าจะเป็น (2) รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ใช้รูปแบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) 6 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 กำหนดปัญหา ขั้นที่ 2 วิเคราะห์และทำความเข้าใจกับปัญหา ขั้นที่ 3 ดำเนินการศึกษาค้นคว้า ขั้นที่ 4 รวบรวมข้อมูลและสังเคราะห์ความรู้ ขั้นที่ 5 สรุปและประเมินผลการเรียนรู้ และขั้นที่ 6 นำเสนอและประเมินผลงาน (3) การพัฒนาทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน ได้แก่ การแก้ปัญหา การสื่อสารและการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ การเชื่อมโยง การให้เหตุผล และการคิดสร้างสรรค์ และ (4) แนวทางในการวัดและประเมินผล วัดผลและประเมินผลจากการปฏิบัติและประเมินตามสภาพจริง

2. ผลพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด พบว่า 2.1) ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ มีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 80.67/81.22 และ 2.2) ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น มีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 80.96/81.22 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้

3. ผลการทดลองใช้และประเมินผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า 3.1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ (X ̅ = 40.61, S.D. = 0.90) สูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ (X ̅ = 27.97, S.D. = 0.97) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.57, S.D. = 0.53)

4. ผลการปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่องสถิติและความน่าจะเป็น ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า หลังการใช้รูปแบบฯ ผู้วิจัยได้ร่วมสนทนากลุ่ม (Focus Group) กับผู้เชี่ยวชาญและคณะครูได้สะท้อนผลหลังการใช้รูปแบบฯ ให้ข้อเสนอแนะ สิ่งที่ควรพัฒนา ตลอดจนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการคาดหวัง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญและคณะครูได้ให้ข้อเสนอแนะ เพื่อการพัฒนาในด้านการนำรูปแบบฯ ไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สะท้อนผล ถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของรูปแบบฯ ในด้านต่าง ๆ ผู้วิจัยได้นำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไขรูปแบบให้มีประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมกับการนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผู้เรียนได้เต็มตามศักยภาพ

โพสต์โดย sakuna : [4 มี.ค. 2566 เวลา 14:31 น.]
อ่าน [65264] ไอพี : 171.96.158.180
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 36,983 ครั้ง
แนวทางการคัดเลือกหนังสือสำหรับเด็กปฐมวัยที่สอดคล้องกับกระทรวงฯ
แนวทางการคัดเลือกหนังสือสำหรับเด็กปฐมวัยที่สอดคล้องกับกระทรวงฯ

เปิดอ่าน 13,254 ครั้ง
ครีมหอยทาก คืออะไร ทำไมสาว ๆ ฮิตกันจัง
ครีมหอยทาก คืออะไร ทำไมสาว ๆ ฮิตกันจัง

เปิดอ่าน 21,169 ครั้ง
หยุดผมร่วงด้วยบรั่นดี
หยุดผมร่วงด้วยบรั่นดี

เปิดอ่าน 1,013 ครั้ง
การเรียนภาษาไทย พื้นฐานสำคัญการสื่อสาร และวัฒนธรรมไทย
การเรียนภาษาไทย พื้นฐานสำคัญการสื่อสาร และวัฒนธรรมไทย

เปิดอ่าน 17,480 ครั้ง
การพิจารณาค่าความจริง (Truth value)
การพิจารณาค่าความจริง (Truth value)

เปิดอ่าน 14,717 ครั้ง
นาฬิกาชีวิต องค์รวมสุขภาพแบบ A.M./P.M.
นาฬิกาชีวิต องค์รวมสุขภาพแบบ A.M./P.M.

เปิดอ่าน 10,338 ครั้ง
ไปรษณีย์ไทยเปิดศักราช งานแสตมป์เอเชีย 2010
ไปรษณีย์ไทยเปิดศักราช งานแสตมป์เอเชีย 2010

เปิดอ่าน 16,986 ครั้ง
การสอนภาษาอังกฤษ ในสพฐ. จุดอ่อนที่ควรคำนึง
การสอนภาษาอังกฤษ ในสพฐ. จุดอ่อนที่ควรคำนึง

เปิดอ่าน 22,773 ครั้ง
เกมส์ทําอาหาร
เกมส์ทําอาหาร

เปิดอ่าน 10,898 ครั้ง
หายใจผิด ตัวการทำลายผิว
หายใจผิด ตัวการทำลายผิว

เปิดอ่าน 31,808 ครั้ง
ที่มาภาพมือเป็นรู ที่แชร์กันให้กลัวกันทั่วไลน์ ที่แท้มาจาก....
ที่มาภาพมือเป็นรู ที่แชร์กันให้กลัวกันทั่วไลน์ ที่แท้มาจาก....

เปิดอ่าน 19,263 ครั้ง
รับอากาศบริสุทธิ์ เพิ่มพลังให้สมอง
รับอากาศบริสุทธิ์ เพิ่มพลังให้สมอง

เปิดอ่าน 20,032 ครั้ง
ปลูกมะนาวนอกฤดู 1 ไร่ ได้ 1 แสน
ปลูกมะนาวนอกฤดู 1 ไร่ ได้ 1 แสน

เปิดอ่าน 14,914 ครั้ง
1 เมษายน วันข้าราชการพลเรือน
1 เมษายน วันข้าราชการพลเรือน

เปิดอ่าน 12,100 ครั้ง
ทบทวนระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของไทยเดี๋ยวนี้... ฤๅว่าจะสายเกินไป
ทบทวนระบบการประกันคุณภาพ การศึกษาของไทยเดี๋ยวนี้... ฤๅว่าจะสายเกินไป

เปิดอ่าน 26,323 ครั้ง
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 18 ส.ค.
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 18 ส.ค.
เปิดอ่าน 12,058 ครั้ง
ดับร้อนด้วย "เสาวรส" สุดจี๊ดจ๊าด
ดับร้อนด้วย "เสาวรส" สุดจี๊ดจ๊าด
เปิดอ่าน 37,396 ครั้ง
กำจัด "กลิ่นปาก" ให้สิ้นซาก
กำจัด "กลิ่นปาก" ให้สิ้นซาก
เปิดอ่าน 31,392 ครั้ง
ใครมีปัญหาเก็บเงินไม่อยู่มือ เรามีวิธีเก็บเงินให้อยู่มือมาฝาก
ใครมีปัญหาเก็บเงินไม่อยู่มือ เรามีวิธีเก็บเงินให้อยู่มือมาฝาก
เปิดอ่าน 86,697 ครั้ง
กระแสอะไรที่จะช่วยปรับรูปแบบโครงสร้างการปฏิรูปการศึกษาของไทย โดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
กระแสอะไรที่จะช่วยปรับรูปแบบโครงสร้างการปฏิรูปการศึกษาของไทย โดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ