วิจัยเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร,ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฎจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษา-ปีที่ 3 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ จังหวัดสกลนคร จำนวน 2 ห้องเรียน รวม 59 คน ซึ่งจัดห้องเรียนแบบคละความสามารถ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนเดื่อศรีไพรวัลย์ ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 36 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 ชุด แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 10 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นแบบปรนัยเลือกตอบ (Multiple Choice) 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ สถิติ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test (Independent Sample)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน พบว่า
สภาพการจัดกิจกรรมการสอนคณิตศาสตร์ของครูชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมปฏิบัติอยู่ในระดับ ปานกลาง และพบว่าการสอนโดยยึดเนื้อหาเป็นสำคัญ และพยายามสอนให้จบเนื้อหา ครูสอนให้นักเรียนจำสูตร หลักการและวิธีการปฏิบัติ การสอนที่เปิดโอกาสให้นักเรียนแสวงหาทางเลือกในการแก้ปัญหาอย่างหลากหลายมีน้อย สำหรับปัญหาในการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เป็นปัญหาของครูโดยคือ 1) ครูขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน 2) ครูขาดนวัตกรรมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และ 3) ครูขาดการพัฒนาเทคนิคการสอนแบบใหม่ ๆ ส่วนปัญหาที่เกิดจากนักเรียนโดยภาพรวม คือ1) นักเรียนมีพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ต่ำมาจากโรงเรียนเดิม 2) นักเรียนขาดความรับผิดชอบขาดระเบียบวินัยไม่กล้าแสดงออกและ 3) นักเรียนขาดความรู้และทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตรวิชาคณิตศาสตร์
ความต้องการของครูในการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด คือ 1) ต้องการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ที่ทันสมัย 2) ต้องการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในหัวข้อใหม่ ๆ อย่างหลากหลายโดยเน้นให้สามารถนำไปใช้ได้จริงและ 3) ต้องการสื่อวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ทันสมัย เหมาะสมและเพียงพอ ข้อเสนอแนะของครูผู้สอนในการแก้ปัญหาจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ คือ 1) ครูควรใช้นวัตกรรมการสอนทั้งสื่อและเทคนิคการสอนประกอบการสอน เพื่อให้นักเรียนสนใจเข้าใจในหน่วยการเรียนสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น 2) ควรจัดให้มีการอบรมเพื่อพัฒนาครูให้มีความรู้เรื่องเทคนิคการสอน วิธีการและเทคนิคการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรอบรมวิธีการสอนแบบต่าง ๆ 3) ควรจัดให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างเครื่องมือวัดผล การสร้างข้อสอบมาตรฐาน การวิเคราะห์ข้อสอบ การจัดทำคลังข้อสอบ วิธีปฏิบัติในการประเมินผล
ปัญหาในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน คือ 1) ครูสอนจริงจัง ไม่ใช้สื่อในการสอน ให้ทำแบบฝึกหัด ส่งทุกครั้ง ทำให้เครียด ข้อสอบยากเกินไป 2) ครูเข้มงวดในการสอนทำให้บรรยากาศในการเรียนเครียด ครูไม่ใช้สื่อการสอนเพื่อช่วยให้เข้าใจและ3) ครูสอนเร็วมากไม่น่าสนใจ นักเรียนตามไม่ทัน จึงเรียนไม่รู้เรื่องและไม่อยากเรียน
ความต้องการของนักเรียนในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์อย่างมีความสุข คือ 1) ครูควรมีสื่อ การสอนที่หลากหลายเพื่ออธิบายเนื้อหาวิชาให้เข้าใจ 2) ครูควรสร้างบรรยากาศในการเรียนให้สนุกสนาน 3) ควรมีวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายจะทำให้ไม่น่าเบื่อ
การทดสอบวัดสมรรถภาพทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ด้านความรู้ความเข้าใจ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และด้านความสามารถในการแก้ปัญหา ตามลำดับ
2. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลการประเมินประสิทธิภาพด้านกระบวนการ (E1) ได้ค่าประสิทธิภาพ 86.36 และผลการประเมินประสิทธิภาพด้านผลลัพธ์ (E2) ได้ค่าประสิทธิภาพ 84.30 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้คือ 80/80
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า หลังเรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร, ความคล้ายและวงกลม โดยจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการระหว่างวัฏจักรการเรียนรู้ (4 MAT) กับการเรียนรู้แบบร่วมมือ (เทคนิค STAD) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด (x̄ = 4.56 , S.D. = 0.49)