บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยีโดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 วัตถุประสงค์การวิจัยได้แก่ 1) เพื่อศึกษาปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของครูที่สอนในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี 2) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อหาค่าประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยี โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 4) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยี โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยี โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ 1) ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวิชาคอมพิวเตอร์ ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 12 โรงเรียน รวม 45 คน ได้มาโดยการการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster sampling) เฉพาะกลุ่มครูที่สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี 2) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนแก้งเหนือพิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 37 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบง่าย (Simple Random Sampling) ใช้วิธีจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 29 ข้อ มีค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.74 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.9892 2) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยี โดยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (Active Learning) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1จำนวน 10 แผน มีค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.75 3) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยีโดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 ชุด มีค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.78
4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยี โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 30 ข้อ มีค่า IOC เทากับ 0.78 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.8975 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยี โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 28 ข้อ มีค่าเหมาะสมเท่ากับ 4.89 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.9782 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และความพึงพอใจของนักเรียน ใช้แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Design ทดสอบก่อนการทดลอง (Pre-test) ทดลองสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (Treatment) และทดสอบหลังการทดลอง (Post-test) วิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบถามปัญหาการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาคอมพิวเตอร์ โดยใช้สถิติพื้นฐาน ค่าเฉลี่ย ( ) ร้อยละ (P) และความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ ใช้สถิติพื้นฐาน วิเคราะห์ ค่าเฉลี่ย ( ) ร้อยละ (P) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ใช้สถิติ E1/E2 หาประสิทธิผลของชุดกิจกรรมใข้สถิติ E.I. ทดสอบสมมติฐานเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนใช้ t-test ใช้ IOC วิเคราะห์ค่าความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้สถิติของแบรนแนน (Brennan) หาค่าอำนาจจำแนก (B) ค่าความยากง่าย (p) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้สถิติตามวิธีของโลเวท (Lovett) หาความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้วิธี Itemtotal Correlation สหสัมพันธ์อย่างง่ายของ Pearson วิเคราะห์ค่าอำนาจจำแนก (B) ของแบบสอบถามเป็นรายข้อ วิเคราะห์หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับ (rcc) ใช้วิธีของโลเวท (Lovett) และใช้สถิติพื้นฐานวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ( ) ร้อยละ (P) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัย พบว่า
6.1 โดยรวมครูเพศชายมีปัญหาการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาคอมพิวเตอร์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( =4.30) โดยรวมครู เพศหญิงมีปัญหาการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาคอมพิวเตอร์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( =4.30) โดยรวมครูที่มีวุฒิปริญญาตรีมีปัญหา การจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวิชาคอมพิวเตอร์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( =4.43) โดยรวมครูที่มีวุฒิสูงกว่าปริญญาตรี มีปัญหาการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาคอมพิวเตอร์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( =4.06) โดยรวมครูที่มีประสบการณ์การทำงาน 1- 5 ปี มีปัญหาการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาคอมพิวเตอร์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( =4.50) และครูที่มีประสบการณ์การทำงาน 6 ปีขึ้นไป มีปัญหาการจัดการเรียนการสอน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( =4.03)
6.2 โดยรวมประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 89.03 คิดเป็นร้อยละ 89.03 เมื่อพิจารณาเป็นรายแผนการจัดการเรียนรู้ พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ที่มีค่าประสิทธิภาพสูงสุดได้แก่ แผนแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 9.08 คิดเป็นร้อยละ 90.81 รองลงมาได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 9.00 คิดเป็นร้อยละ 90.00 ส่วนแผน การจัดการเรียนรู้ที่มีค่าประสิทธิภาพต่ำสุดได้แก่แผนที่ 7 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.78 คิดเป็นร้อยละ 87.84 ซึ่งสูงกว่าร้อยละ 80
6.3 ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) มีค่าเท่ากับ 87.89/85.32 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
6.4 ประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) มีค่าเท่ากับ 0.7655 ทำให้นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 76.55 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ยอมรับได้ คือมากกว่าร้อยละ 50
6.5 การเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) พบว่า คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
6.6 โดยรวมความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง การออกแบบและเทคโนโลยี โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.53) โดยนักเรียนชายมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( =4.49) และนักเรียนหญิงมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.56) ซึ่งนักเรียนหญิงมีความพึงพอใจสูงกว่านักเรียนชาย