บทคัดย่อ
เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย นางสาวณัฐชานันท์ นิษฐ์ธีรวัต
ปีการศึกษา 2564
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดังนี้ 3.1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 3.2) เปรียบเทียบทักษะการอ่านหลังเรียนของนักเรียนเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 803.3) เปรียบเทียบทักษะการเขียนหลังเรียนของนักเรียนเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 และ 4) เปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 4) เปรียบเทียบผลการประเมินการใช้
รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียนและทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 23 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ 1) แบบวิเคราะห์เอกสาร 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แบบสอบถามความ
ต้องการของนักเรียน 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน 5) แบบสอบถามความพึงพอใจ และ 6) แบบประเมินรับรองรูปแบบฯ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( x̄ ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติทดสอบของวิลค๊อกซัน (Wilcoxon Signed Rank Test for Related Samples) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
1 ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปรากฎผลดังนี้
1.1 ผลการศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และเป้าหมายในการพัฒนานักเรียน พบว่า หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทย และเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
1.2 ผลการสัมภาษณ์ครูวิชาการ และครูผู้สอนวิชาภาษาไทยเกี่ยวกับแนวคิดในการจัดการเรียนการสอนและเป้าหมายในการพัฒนานักเรียน สรุปข้อมูลสอดคล้องกัน พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ควรมีลักษณะที่อ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อนตั้งแต่เริ่มแรก และพัฒนาขึ้นจากแนวคิดทฤษฎีที่หลากหลาย โดยสรุปเป็นแนวคิดในการพัฒนารูปแบบการสอนที่สามารถสนองความต้องการของผู้เรียน โดยต้องมีการสอบถามความต้องการของผู้เรียนจะทำให้ทราบข้อมูลความต้องการที่แท้จริง เนื้อหาที่สอนควรเป็นเนื้อหาที่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ทันสมัย กระตุ้นให้ผู้เรียนอยากรู้ อยากเรียน และผู้เรียนต้องสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในการดำเนินชีวิตประจำวัน
1.3 ผลการสอบถามความต้องการของนักเรียนเกี่ยวกับความต้องการและความสนใจเกี่ยวกับเนื้อหาวิชา พบว่า ความต้องความสนใจเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วยกิจกรรม 6 ขั้นตอน (ERRPIR MODEL) ได้แก่ 1) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างประสบการณ์ (Experience) ขั้นที่ 2 ขั้นอ่าน (Reading Process) ขั้นที่ 3 ขั้นจับใจความ (Reading for main idea) ขั้นที่ 4 ขั้นประมวลความรู้ (Process Learning) ขั้นที่ 5 ขั้นสร้างจินตนาการจากความรู้ที่ได้รับ (Imagination and Creative Learning) ขั้นที่ 6 ขั้นฝึกซ้ำย้ำทบทวน (Review) และเมื่อนำไปหาประสิทธิภาพ (E1/E2) ได้ค่าประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 เท่ากับ 86.74/84.11 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสรุปดังนี้
3.1 นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนคิดเป็นร้อยละ 86.20 ซึ่งทำการเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ร้อยละ 80 พบว่า มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05
3.2 นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนทักษะการอ่านคิดเป็นร้อยละ 82.76 ซึ่งทำการเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ร้อยละ 80 พบว่า มีคะแนนทักษะการอ่าน สูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05
3.3 นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนทักษะการเขียนคิดเป็นร้อยละ 89.66 ซึ่งทำการเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ร้อยละ 80 พบว่ามีคะแนนทักษะการเขียน สูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05
3.4 นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์คิดเป็นร้อยละ 86.21 ซึ่งทำการเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ร้อยละ 80 พบว่า มีคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์ สูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05
4. ผลการประเมินและรับรองรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปรากฎผลดังนี้
4.1 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า คะแนนเฉลี่ยโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄ =4.79, S.D.=0.06)
4.2 ผลการประเมินและรับรองรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมทั้งหมดมีคุณภาพความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄ =4.81, S.D.=0.36)