บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของครูโรงเรียนอนุบาลเมืองพนมไพร อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต ๒ ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดเป็นความมุ่งหมายเฉพาะ ดังนี้ ๑) เพื่อให้ครูผู้สอนมีความรู้ มีเจตคติ มีความสามารถด้านการสอนและมีระดับคุณภาพการปฏิบัติงานตามสภาพจริงอยู่ในระดับคุณภาพดี ๒) เพื่อศึกษาระดับคุณภาพพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน และ๓) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจในการจัดการสอนของครูผู้สอนและการเรียนของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเมืองพนมไพร อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ ผู้นิเทศ ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน ๑ คน รองผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน ๑ คน หัวหน้างานบริหารงานวิชาการ จำนวน ๑ คนและหัวหน้าสายชั้นจำนวน ๗ คน รวมทั้งสิ้น ๑๐ คน ทำหน้าที่เป็นผู้นิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ ครูผู้สอน ประกอบด้วย ครูผู้สอนระดับปฐมวัย จำนวน ๗ คนและครูผู้สอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๓๖ คน รวมครูผู้สอนทั้งหมดในปีการศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๔๓ คน ทำหน้าที่ผู้รับการนิเทศตามการดำเนินการนิเทศภายในเชิงระบบเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ๑) สื่อนิเทศภายในโรงเรียน ได้แก่ ชุดสื่อนิเทศสำหรับศึกษาด้วยตนเอง จำนวน ๕ เล่ม ชุดนำเสนอโปรแกรม Power Point จำนวน ๕ ชุด และคู่มือการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ ๒) เครื่องมือนิเทศภายในโรงเรียน ได้แก่ แบบทดสอบความรู้ จำนวน ๕๐ ข้อ ๆ ละ ๔ ตัวเลือก ได้ค่าความยากง่ายตั้งแต่ ๐.๓๐-๐.๘๐ ค่าจำแนกตั้งแต่ ๐.๒๘- ๐.๗๒ และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ ๐.๙๕ แบบวัดเจตคติด้านการจัดการเรียนการสอนได้ จำนวน ๒๐ ข้อ ได้ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ ๓.๑๒- ๑๒.๙๓ แบบสังเกตพฤติกรรมผู้เรียน แบบบันทึกพฤติกรรมการสังเกตการณ์สอนและแบบทันทึกการประชุมปรึกษาหารือผลการศึกษา พบว่า
๑. ผลการประเมินด้านบริบทของการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ พบว่า ครูผู้สอนมีความสามารถด้านการเรียนการสอนอยู่ในระดับน้อย เฉลี่ยเท่ากับ ๒.๔๕ ครูผู้สอนมีความต้องการในการพัฒนา ตนเองทุกรายการอยูในระดับมาก มีระดับคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ ๔.๓๒
๒. ผลการประเมินด้านปัจจัยของการดำเนินการนิเทศในโรงเรียนเชิงระบบ สรุปได้ว่า
๒.๑ ชุดสื่อนิเทศสำหรับศึกษาด้วยตนเองในจำนวน ๕ เล่ม มีความเหมาะสมในระดับดีมาก จำนวน ๓ เล่ม ได้แก่ เล่มที่ ๒ เรื่องการสอนแบบโครงงาน เล่มที่ ๓ เรื่องแฟ้มสะสมงานของนักเรียนและเล่มที่ ๔ เรื่องสื่อการเรียนรู้และมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก จำนวน ๒ เล่ม ได้แก่ เล่มที่ ๑ เรื่องบทบาทและหน้าที่ครูผู้สอนวิชาชีพและเล่มที่ ๕ เรื่องการแนะแนว ส่วนผลการประเมินในด้านความสอดคล้องชุดสื่อนิเทศสำหรับศึกษาด้วยตนเองทั้ง ๕ เล่ม พบว่า มีความสอดคล้องกันขององค์ประกอบที่กำหนดไว้ทุกประการ
๒.๒ สื่อและเครื่องมือที่ใช้นอกเหนือจากชุดสื่อนิเทศสำหรับศึกษาด้วยตนเอง มีสื่อนิเทศ จำนวน ๕ รายการและเครื่องมือนิเทศจำนวน ๘ รายการ มีผลการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน ๕ คน มีระดับคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ระดับ ๔ ขึ้นไปทุกประการ
๓. ผลการประเมินด้านกระบวนการของการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ สรุปได้ว่า ครูมีความพึงพอใจในการดำเนินกิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบทั้ง ๓ กิจกรรมคือกิจกรรมการศึกษาด้วยตนเอง การสังเกตการณ์สอนและการประชุมเพื่อปรึกษาหารือ โดยรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๕๐
๔. ผลการประเมินด้านผลผลิตของการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ สรุปได้ว่า
๔.๑ ผลการประเมินด้านความรู้ ครูผู้สอนมีคะแนนเฉลี่ความรู้ด้านการจัดการเรียนการสอนก่อนการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ เท่ากับ ๒๗.๔๘ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๕๔.๙๖ และคะแนนเฉลี่ยภายหลังการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ เท่ากับ ๓๙.๔๑ คะแนน คิดเป็นร้อยละ ๗๘.๘๒ สรุปผลได้ว่า ครูผู้สอนมีคะแนนเฉลี่ยด้านความรู้ก่อนแตกต่างกับคะแนนเฉลี่ยหลังการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ โยครูผู้สอนมีคะแนนเฉลี่ยด้านความรู้หลังมากกว่าก่อนการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
๔.๒ ผลการประเมินด้านเจตคติ ครูผู้สอนมีระดับคะแนนเฉลี่ยด้านเจตคติการจัดการเรียนการสอนก่อนการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบเท่ากับ ๒.๙๘ และระดับคะแนนเฉลี่ยภายหลังการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ เท่ากับ ๓.๙๓ เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยและหลังโดยใช้ t-test แบบOne Sample Test พบว่า มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ โดยครูผู้สอนมีระดับคะแนนเฉลี่ยด้านเจตคติหลังมากกว่าการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบสูงกว่าเป้าหลายที่กำหนดไว้
๔.๓ ผลการประเมินด้านทักษะ ครูผู้สอน มีระดับคะแนนเฉลี่ยด้านการจัดการเรียนการสอนของความรู้ก่อนการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบเท่ากับ ๒.๗๒ และระดับคะแนนเฉลี่ยภายหลังการนิเทศภายในเชิงระบบ เท่ากับ ๓.๙๓ เมื่อเปรียบเทียบระดับคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังการฝึกอบรมโดยใช้ t-test แบบOne Sample Test สรุปผลได้ว่า ครูผู้สอนมีระดับคะแนนเฉลี่ยก่อนแตกต่างกับคะแนนเฉลี่ยหลังการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ โดยครูผู้สอนมีระดับคะแนนเฉลี่ยด้านทักษะการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนโดยเฉลี่ยทุกช่วงชั้น หลังมากกว่าก่อนการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้
๔.๔ ผลการประเมินพฤติกรรมปฏิบัติงานตามสภาพจริง ครูผู้สอนมีผลการปฏิบัติงานตามสภาพจริงด้านการจัดการเรียนการสอนภายหลัง การดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ จำนวน ๑๒ รายการโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๙๕ อยู่ในระดับดีสอดคล้องตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
๕. ผลการประเมินด้านผลกระทบของการดำเนินการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ พบว่า
๕.๑ ผู้เรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้ภายหลังการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ จำนวน ๑๐ รายการโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๘๓ อยู่ในระดับคุณภาพดีสอดคล้องตามเป้าหมายที่กำหนดไห้
๕.๒ ผู้เรียนมีความพึงพอใจเกี่ยวกับการเรียนภายหลังการดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบ จำนวน ๑๐ รายการโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๙๙ อยู่ในระดับคุณภาพดีสอดคล้องตามเป้าหมายที่กำหนดไห้
สรุป การดำเนินการนิเทศภายในโรงเรียนเชิงระบบเพื่อพัฒนาคุณภาพ การจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน โรงเรียนอนุบาลเมืองพนมไพร ทำให้มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาจะต้อง
ดำเนินการพครูผู้สอนให้ความรู้ เจตคติและทักษะด้านต่างๆ เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญซึ่งเป็นวิธีการพัฒนาครูผู้สอนระบบหนึ่งของการบริหารสถานศึกษาที่จะส่งผลให้ระดับคุณภาพการศึกษาดีขึ้น