ชื่อเรื่องวิจัย รูปแบบการนิเทศเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านการจัดประสบการณ์ที่ส่งเสริม
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1
ผู้วิจัย นางวิไลลักษณ์ จรูญโรจน์วิทย์
ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์ วิทยฐานะ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและตรวจสอบประสิทธิภาพของรูปแบบ การนิเทศเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพครู ด้านการจัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย 2) ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการนิเทศที่พัฒนาขึ้น ดำเนินการวิจัยด้วยการวิจัยและพัฒนาและใช้การวิจัยแบบผสมผสานวิธี ทดสอบก่อนและหลัง รวมทั้งผสมผสานกับแบบแผนการวิจัยแบบอนุกรมเวลากลุ่มเดียว ประเภทอนุกรมเวลาสมมูล กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูผู้สอนระดับปฐมวัย 25 คน ผู้บริหารโรงเรียน 1 คน และเด็กปฐมวัย 692 คน จากโรงเรียนในสังกดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 จำนวน 5 โรงเรียน และผู้เชี่ยวชาญด้านการชี้แนะการจัดประสบการณ์ 1 คน
เครื่องมือที่ใช้คือ คู่มือรูปแบบการนิเทศ แผนการนิเทศ แบบทดสอบความรู้ แบบประเมินแผนการจัดประสบการณ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการจัดประสบการณ์ แบบประเมินคุณลักษณะส่วนตัวของครู แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศที่มีต่อรูปแบบการนิเทศ และประเด็นการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าZ (Z- test) และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า 1. รูปแบบการนิเทศที่พัฒนาขึ้น มีชื่อว่าACTAR Model ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ส่วน คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการพัฒนาวิชาชีพ มี 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น (Analyzing Needs : A) ขั้นที่ 2 ออกแบบการพัฒนาวิชาชีพ (Creating Program : C) ขั้นที่ 3 ดำเนินการพัฒนาวิชาชีพ (Taking Action : T) ขั้นที่ 4 ประเมินผลการพัฒนาวิชาชีพ (Assessing Program : A) และขั้นที่ 5 รายงานผล การพัฒนาวิชาชีพ (Reporting Program : R) และ3) เงื่อนไขสำคัญในการนำรูปแบบไปใช้ 2. ประสิทธิผลของรูปแบบการนิเทศ พบว่า 1) หลังการใช้รูปแบบการนิเทศ ครูมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ สูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ครูมีพัฒนาการความสามารถในการออกแบบแผนการจัดประสบการณ์ และมีการจัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3) คุณลักษณะส่วนตัวของครูอยู่ในระดับดีมาก 4) เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5) ความพึงพอใจของผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศที่มีต่อการใช้รูปแบบการนิเทศอยู่ในระดับมากที่สุด และ 6) หลังการขยายผลการใช้รูปแบบการนิเทศ ที่พัฒนาขึ้น พบว่า รูปแบบการนิเทศ ACTAR Model สามารถทำให้ครูมีสมรรถนะในการ จัดประสบการณ์ ที่ส่งเสริมทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ และทำให้ เด็กปฐมวัยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์
คำสำคัญ: รูปแบบการนิเทศ, สมรรถนะด้านการจัดประสบการณ์,ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์