หัวข้อวิจัย : การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับ
ครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับประถมศึกษา ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต ๒
ปีการศึกษา ๒๕๖๓
ผู้วิจัย : นายเจนตะวัน ศรีวิชัย
ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์ชำนาญการ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต ๒
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ๒๕๖๓
บทคัดย่อ
การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2 ปีการศึกษา 2563 มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อสร้างคู่มือการจัดการเรียนการสอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับประถมศึกษาสำนักงานของเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2 ในปีการศึกษา 2562 2) เพื่อศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ใน ปีการศึกษา 2563 วิธีดำเนินการแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 สร้างคู่มือการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ผ่านการพิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิ และประเมินความเหมาะสมจากครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และครูวิชาการโรงเรียนในศูนย์บริหารการจัดการศึกษาของสถานศึกษาแม่สามแลบจำนวน 40 คน วิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ขั้นตอนที่ 2 ศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษาโดยใช้แบบประเมินของครูผู้สอนและของนักเรียน เก็บรวบรวมข้อมูลจากครูผู้สอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน 20 คน และประเมินจากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 80 คนวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการสร้างคู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับประถมศึกษา พบว่า ผลการประเมินความเหมาะสมของคู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับประถมศึกษาในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
2. ผลที่เกิดกับครูผู้สอนรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม พบว่า ผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ความเข้าใจ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านผลที่เกิดจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และด้านความพึงพอใจของครูผู้สอน
3. ผลที่เกิดกับนักเรียน ผลที่เกิดกับนักเรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาบูรณาการกับวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม พบว่า ผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ความเข้าใจของนักเรียน ด้านการปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน และด้านความพึงพอใจของนักเรียน