ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านโรงเรียนวัดทุ่งส้าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2
ผู้รายงาน นายปถม แก้วสิน
ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2564
บทคัดย่อ
การประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านโรงเรียนวัดทุ่งส้าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 ใช้รูปแบบซิปป์ (CIPP Model) เป็นกรอบในการประเมิน โดยมีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านโรงเรียนวัดทุ่งส้าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 ใน 4 ด้าน คือ ด้านสภาพแวดล้อม (Context) ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) ด้านกระบวนการ (Process) และด้านผลผลิต (Product) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครู จำนวน 5 คน กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 6 จำนวน 38 คน และผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 6 จำนวน 27 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เพราะครู และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีส่วนร่วมในการจัดโครงการทุกท่าน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 6 มีศักยภาพในการตอบคำถามและตอบแบบสอบถามได้ และผู้ปกครองนักเรียนนั้นเป็นผู้ดูแลและรับรู้ถึงพฤติกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 6 เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถาม จำนวน 5 ฉบับ เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จากการตรวจสอบคุณภาพของแบบสอบถาม ปรากฏว่าแบบสอบถามฉบับที่ 1 ประเมินด้านสภาพแวดล้อม (Context) มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.89 ฉบับที่ 2 ประเมินด้านปัจจัยนำเข้า (Input) มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.71 ฉบับที่ 3 ประเมินด้านกระบวนการ (Process) มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.94 ฉบับที่ 4 ประเมินด้านผลผลิต (พฤติกรรม) (Product) มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.91 และฉบับที่ 5 ประเมินด้านผลผลิต (ความพึงพอใจ) มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.89
เมื่อได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว นำไปวิเคราะห์ค่าสถิติพื้นฐานโดยคำนวณค่าสถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งสรุปผลรายงานการประเมินได้ดังนี้
สรุปผลการประเมิน
ผลการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านโรงเรียนวัดทุ่งส้าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 สรุปได้ดังนี้
1. ผลการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านโรงเรียนวัดทุ่งส้าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 โดยภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมากทุกด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านผลผลิต รองลงมาคือ ด้านสภาพแวดล้อม ด้านกระบวนการ และด้านปัจจัยนำเข้า ตามลำดับ
2. ผลการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านโรงเรียนวัดทุ่งส้าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 ด้านสภาพแวดล้อม โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ โดยส่วนใหญ่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุดลำดับแรก คือ มีความจำเป็นในการจัดทำโครงการส่งเสริมการอ่านโรงเรียน วัดทุ่งส้าน รองลงมา คือ ครู ผู้ปกครอง และชุมชนให้ความร่วมมือและการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมตามโครงการที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นเป็นอย่างดี ค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ วัตถุประสงค์ของโครงการสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
3. ผลการประเมินโครงการด้านปัจจัยนำเข้า โดยภาพรวมมีความเหมาะสมและเพียงพออยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ โดยส่วนใหญ่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุดลำดับแรก คือ โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย รองลงมาคือ จัดกิจกรรมของโครงการเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ และค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ บุคลากรมีจำนวนที่เพียงพอในการดำเนินงานโครงการ
4. ผลการประเมินโครงการด้านกระบวนการ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า โดยส่วนใหญ่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุดลำดับแรก คือ ดำเนินการตามกิจกรรมการประกวดความสามารถวันสำคัญ รองลงมา คือ ดำเนินการตามกิจกรรมมุมนักอ่านน้อย และค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ มีการนำผลการประเมินไปปรับปรุงพัฒนา
5. ผลการประเมินโครงการด้านผลผลิต โดยภาพรวมมีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก พบว่า ค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ การประเมินพฤติกรรมนักเรียน รองลงมาคือ การประเมินความพึงพอใจ การประเมินพฤติกรรมนักเรียน โดยภาพรวมมีระดับความประพฤติและปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ โดยส่วนใหญ่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุดลำดับแรก คือ นักเรียนมีความสุขในการอ่านและการเรียนรู้ รองลงมา คือ นักเรียนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการอ่าน และค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ นักเรียนมีทักษะด้านการอ่าน เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ และนักเรียนมีความกล้าแสดงออกตามความสามารถความถนัดและความสนใจของตนเอง และ การประเมินความพึงพอใจ โดยภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ค่าเฉลี่ยสูงสุดลำดับแรก คือ นักเรียนสามารถนำข้อคิดต่าง ๆ ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รองลงมา คือ นักเรียนได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการ และค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กิจกรรมในโครงการทำให้นักเรียนมีนิสัยใฝ่รู้ ใฝ่เรียนและรักการอ่านอย่างต่อเนื่อง