ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการประเมินโครงการบริหารจัดการเรียนรู้ STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพของโรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1

ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการบริหารจัดการเรียนรู้ STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพของโรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1

ผู้วิจัย นายสุริยา ศรีประสาร

ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง

สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ปีที่วิจัย 2564

บทคัดย่อ

การประเมินโครงการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ประเมินโครงการบริหารจัดการเรียนรู้ STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพของโรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) เพื่อประเมิน 4 ด้าน คือ บริบท (Context Evaluation) ปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) กระบวนการ (Process Evaluation) และผลผลิต (Product Evaluation) ของโครงการบริหารจัดการเรียนรู้ STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพของโรงเรียนบ้านกาเกาะระโยงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1

ประชากรที่ใช้ในการประเมิน ได้แก่ ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองและนักเรียน โรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง ปีการศึกษา 2564 จำนวน 565 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย(Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

ผลการประเมิน ในภาพรวมทุกด้านของโครงการบริหารจัดการเรียนรู้ STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพของโรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ตามรูปแบบการประเมินแบบซิป (CIPP Model) โดยใช้แบบสอบถาม พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด มีการประเมินแต่ละด้าน สรุปได้ดังนี้

การประเมินโครงการบริหารจัดการเรียนรู้ STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพ โรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ดำเนินตามรูปแบบการประเมินทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ ผลการประเมินมีความเชื่อมั่นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด คือ การดำเนินงาน มีการวิเคราะห์สภาพปัญหาการดำเนินงาน การศึกษาความต้องการของบุคลากรที่ร่วมดำเนินกิจกรรม โดยประสานกับนโยบายของโรงเรียน วางแผนและจัดทำกิจกรรมพัฒนาให้ตรงตามสภาพที่แท้จริงมากที่สุด ทำให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแนวคิดในการวางแผนที่กล่าวว่า ถ้าหน่วยงานใดมีการวางแผนโดยวางแผนเป็นไปด้วยดี มีประสิทธิภาพ มีแผนงานที่ดีตั้งแต่ต้น การปฏิบัติงานตามแผนย่อมมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนั้นการจัดทำปฏิทินปฏิบัติงานตามขั้นตอนโดยละเอียด การดำเนินงานตามปฏิทินปฏิบัติงานที่กำหนดทุกขั้นตอน และทุกกิจกรรม ทำให้ผลการปฏิบัติงานมีคุณภาพ โดยเฉพาะการนิเทศติดตามกำกับ และให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้ทรรศนะถึงวิธีให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานว่า การเอาใจใส่ดูแลผู้ปฏิบัติงาน เป็นการให้ขวัญและกำลังใจอย่างหนึ่ง สำหรับการประเมินกิจกรรมนับเป็นส่วนสำคัญยิ่งอีกส่วนหนึ่ง ที่ช่วยให้ผู้รับผิดชอบกิจกรรมและผู้ร่วมดำเนินกิจกรรมทราบผลสำเร็จของการดำเนินงาน เพื่อนำผลการประเมินไปปรับปรุง แก้ไขการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล

ผลการประเมินโครงการบริหารจัดการเรียนรู้ STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพ โรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 เป็นดังนี้

1. ผลการประเมินโครงการบริหารจัดการเรียนรู้ STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพ โรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ตามรูปแบบการประเมินแบบซิป (CIPP Model) โดยใช้แบบสอบถาม พบว่า

โดยภาพรวมทั้งโครงการพบว่า อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายประเด็นเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ 1) ด้านผลผลิต 2) ด้านกระบวนการ 3) ด้านปัจจัยป้อน 4) ด้านบริบท โดยทุกรายการผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้ และผลการประเมินเป็นรายประเด็นและตัวชี้วัด สรุปได้ดังนี้

1.1 ผลการประเมินด้านบริบท ภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายตัวชี้วัด พบว่า ตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 3 รายการ และตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก จำนวน 7 รายการ รายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ โครงการมีความจำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา รองลงมาคือ กิจกรรมของโครงการมีความเหมาะสมและปฏิบัติจริงได้ และรายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านอาคารสถานที่มีเพียงพอในการจัดโครงการ ซึ่งทุกรายการผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้

1.2 ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายตัวชี้วัด พบว่า ตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 6 รายการ และตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากจำนวน 4 รายการ รายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผู้บริหารและครูผู้รับผิดชอบมีความพร้อมในการดำเนินโครงการ รองลงมาคือ งบประมาณที่ได้รับในการดำเนินโครงการมีความเหมาะสมและเพียงพอ และรายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ มีสื่อที่สอดคล้องกับการเรียนการสอนแบบ STEM ศึกษา ซึ่งทุกรายการผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้

1.3 ผลการประเมินด้านกระบวนการ ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายตัวชี้วัด พบว่า ตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 6 รายการ และตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก จำนวน 4 รายการ รายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ มีการนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติงานตามโครงการอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมและต่อเนื่องด้วยวิธีการที่หลากหลายครบทุกกิจกรรม รองลงมาคือ กำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการประเมินผลโครงการตามความเหมาะสม และรายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ มีการเผยแพร่และขยายผลการปฏิบัติกิจกรรม สู่ชุมชน ซึ่งทุกรายการผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้

1.4 ผลการประเมินด้านผลผลิต ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายตัวชี้วัด พบว่า ตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 8 รายการ และตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก จำนวน 2 รายการ รายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ผู้เรียนมีแนวทางสามารถนำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคตได้ รองลงมาคือ นักเรียนได้รับผลประโยชน์จากการปฏิบัติงาน/โครงการ/กิจกรรม และรายการประเมินที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ผู้เรียนมีความตั้งใจในการเรียน ได้นำความรู้วิทยาศาสตร์และทักษะทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ สามารถคิดแก้ปัญหาได้ ซึ่งทุกรายการผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้

2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามและจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอนคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้เรียน และผู้ปกครอง เกี่ยวกับการดำเนินงานตามโครงการ พบว่า มีความสัมพันธ์เชิงประจักษ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นจากการสอบถามด้วยแบบสอบถาม และสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่ได้จากการสัมภาษณ์ สรุปได้ว่าโครงการบริหารจัดการเรียนรู้ STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพ โรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 เป็นโครงการที่บรรลุวัตถุประสงค์ของการประเมินโครงการ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะผู้บริหารโรงเรียนได้ปฏิบัติตามนโยบาย ประกอบกับผู้บริหารได้มีการพัฒนาความรู้ความสามารถ ทักษะความเป็นผู้นำของตนเองจนสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการบริหารโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ จนเป็นที่ยอมรับของบุคลากรในโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียนยึดหลักการบริหารงานบุคคล หรือหลักความเหมาะสม โดยการใช้คนให้เหมาะสมกับงานและความรู้ความสามารถ ซึ่งการปฏิบัติเช่นนี้ ทำให้บุคคลมีความ พึงพอใจ และมีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานให้ดีขึ้นและเกิดความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมองหมายให้บรรลุผลสำเร็จ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนของลัดดาวัลย์ ใจไว (2558) ซึ่งครูและบุคลากรทางการศึกษาได้พัฒนาตนเองไปพร้อมกันด้วย การให้ครูจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ตามสาระและหน่วยการเรียนรู้โดยบูรณาการกิจกรรมโครงงาน STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพ กำหนดวิธีการ วัดประเมินผล สนับสนุนให้ครูใช้แหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกโรงเรียน โดยครอบคลุมภูมิปัญญาท้องถิ่น การบริหารการเงินอย่างถูกต้อง การเอาใจใส่ใกล้ชิดครู ส่งเสริมให้ครูเข้าร่วมการประชุมอบรม โรงเรียนเปิดโอกาสให้ชุมชนและองค์กรที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานธุรการและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการศึกษา ทำให้ระดับความพึงพอใจของครูและบุคลากรทางการศึกษา ต่อการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา (STEM Education) อยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับ ภัทรกร มิ่งขวัญ (2559) ที่ศึกษาเรื่องการศึกษาความพึงพอใจของครูที่มีต่อการบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็ก และผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ผู้เรียนมีคุณภาพตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

การบริหารการจัดการเรียนรู้กิจกรรมโครงงาน STEM ศึกษาพัฒนาสู่อาชีพของโรงเรียนบ้านกาเกาะระโยง สามารถทำให้การดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ทำให้นักเรียนสามารถใช้ความรู้ที่ได้จากกระบวนการเรียนการสอนที่แทรกกิจกรรมโครงงาน STEM ศึกษาพัฒนาสู่แนวทางการประกอบอาชีพระหว่างเรียนหรือหลังจากสำเร็จการศึกษาได้ การใช้กลยุทธ์ที่สอดรับกับนโยบาย กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนที่มี ส่วนเกี่ยวข้องได้ทำงานตามหน้าที่ของตนเองอย่างสอดคล้องกัน และมีการสร้างเครือข่ายเป็นกลไกการขับเคลื่อนสามารถดำเนินการจนบรรลุเป้าหมาย

โรงเรียนบ้านกาเกาะระโยงมีการวางแผนการจัดการศึกษาการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ ตามแนวทางการพัฒนาการศึกษา มีการจัดการเรียนการส่งเสริมวิชาชีพ โดยมีการวางแผนการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน โดยกำหนดเป้าหมายให้นักเรียนมีความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ และให้นักเรียนมีรายได้ระหว่างเรียนเพื่อช่วยเหลือครอบครัว นำเอาผลผลิตที่ได้จากการเรียนการสอนให้กับนักเรียนนำไปใช้ในการประกอบอาหารสำหรับนักเรียนอีกด้วย การบริหารแบบมีส่วนร่วม เป็นกระบวนการที่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีโอกาสได้ร่วมการดำเนินงานในทุกกระบวนการบริหาร ทั้งร่วมกันเสนอแนะแนวทางการดำเนินงาน ร่วมกันแก้ไขปัญหาและร่วมกันชื่นชมความสำเร็จอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งการบริหารแบบมีส่วนร่วมเป็นการบริหารที่ใช้การจูงใจให้ผู้ปฏิบัติงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาการปฏิบัติให้มีคุณภาพสูงขึ้นองค์ประกอบด้านผลผลิต ประกอบด้วย ผลผลิตด้านคุณภาพผู้เรียนและผลผลิตด้านประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาของณรงค์ อภัยใจ (2560)

โพสต์โดย สุริยา : [3 พ.ย. 2565 เวลา 11:46 น.]
อ่าน [3344] ไอพี : 1.46.143.176
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,180 ครั้ง
การสอนภาษาอังกฤษ ในสพฐ. จุดอ่อนที่ควรคำนึง
การสอนภาษาอังกฤษ ในสพฐ. จุดอ่อนที่ควรคำนึง

เปิดอ่าน 16,128 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาไทย เป็นเรื่องที่เหลวไหลและเลื่อนลอย
ปฏิรูปการศึกษาไทย เป็นเรื่องที่เหลวไหลและเลื่อนลอย

เปิดอ่าน 15,326 ครั้ง
QR CODE คืออะไร
QR CODE คืออะไร

เปิดอ่าน 41,992 ครั้ง
ปากเหี่ยวเป็นรอยย่น แก้ไขอย่างไรดีนะ
ปากเหี่ยวเป็นรอยย่น แก้ไขอย่างไรดีนะ

เปิดอ่าน 12,580 ครั้ง
วิธีการปลอกเปลือกไข่ต้มที่สมบูรณ์แบบและรวดเร็วที่สุด
วิธีการปลอกเปลือกไข่ต้มที่สมบูรณ์แบบและรวดเร็วที่สุด

เปิดอ่าน 12,213 ครั้ง
รสชาติแบบไหนดีต่อสุขภาพ
รสชาติแบบไหนดีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 242,771 ครั้ง
เรื่องที่ควรรู้ ก่อนคิดจะเลี้ยง "ไซบีเรียน ฮัสกี้"
เรื่องที่ควรรู้ ก่อนคิดจะเลี้ยง "ไซบีเรียน ฮัสกี้"

เปิดอ่าน 13,363 ครั้ง
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสายตาสั้น
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสายตาสั้น

เปิดอ่าน 9,600 ครั้ง
คลิปช้างกินไอโฟน
คลิปช้างกินไอโฟน

เปิดอ่าน 7,955 ครั้ง
ราชภัฏกับธนาคาร
ราชภัฏกับธนาคาร

เปิดอ่าน 5,895 ครั้ง
กรมอนามัย ย้ำดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ดื่มให้เหมาะสม พอเพียง ดีต่อร่างกาย
กรมอนามัย ย้ำดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ดื่มให้เหมาะสม พอเพียง ดีต่อร่างกาย

เปิดอ่าน 36,805 ครั้ง
ม่วงส่าหรี
ม่วงส่าหรี

เปิดอ่าน 31,775 ครั้ง
ภาษาอังกฤษ เริ่มได้ที่บ้าน กับ สอนลูกฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษกับคำศัพท์เกี่ยวกับบ้าน
ภาษาอังกฤษ เริ่มได้ที่บ้าน กับ สอนลูกฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษกับคำศัพท์เกี่ยวกับบ้าน

เปิดอ่าน 12,183 ครั้ง
7 วิธีกินผักแบบไม่ขาดสารอาหาร รับเทศกาลเจ
7 วิธีกินผักแบบไม่ขาดสารอาหาร รับเทศกาลเจ

เปิดอ่าน 33,148 ครั้ง
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)
สัตว์พวกปลาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย โดนถูกเบ็ดเกี่ยวดิ้น ก็ไม่ได้ตกอกตกใจ(วิทย์)

เปิดอ่าน 60,215 ครั้ง
สูตรคูณ
สูตรคูณ
เปิดอ่าน 12,134 ครั้ง
แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเลขเร็ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
เปิดอ่าน 9,592 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษา...สังคมได้อะไร ?
ปฏิรูปการศึกษา...สังคมได้อะไร ?
เปิดอ่าน 7,165 ครั้ง
Facebook แง้มกำลังเพิ่มปุ่มแสดงความเสียใจ บนเฟซบุ๊ก
Facebook แง้มกำลังเพิ่มปุ่มแสดงความเสียใจ บนเฟซบุ๊ก
เปิดอ่าน 33,432 ครั้ง
พืชที่ใช้ทำเครื่องดนตรีพื้นบ้าน
พืชที่ใช้ทำเครื่องดนตรีพื้นบ้าน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ