ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
(Professional Learning Community : PLC)
โรงเรียนอนุบาลบ้านม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3
ผู้ประเมิน นายธนากร ยิ่งยืน
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
ปีการศึกษา 2564
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
รายงานผลการประเมินโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โรงเรียนอนุบาลบ้านม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โรงเรียนอนุบาลบ้านม่วง สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) ประกอบด้วยประเด็นการประเมิน 4 ด้าน คือ การประเมินด้านบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation) การประเมินด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) การประเมินด้านกระบวนการ (Process Evaluation) การประเมินด้านผลผลิต (Product Evaluation)
ประชากรที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ได้แก่ ผู้ที่มีส่วนร่วมในการดำเนินการโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โรงเรียนอนุบาลบ้านม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 คือ ผู้บริหาร ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 57 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 904 คน และนักเรียน จำนวน 904 คน รวมทั้งสิ้น 1,880 คน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหาร ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 50 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 14 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 273 คน และนักเรียน จำนวน 273 คน รวมทั้งสิ้น 610 คน โดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางเลขสุ่มของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie and Morgan.1970) และเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน คือ แบบสอบถามความคิดเห็น (Questionnaire) ซึ่งผู้ประเมินได้ศึกษาเอกสารรวมทั้งงานวิจัยต่างๆ มาพัฒนาเป็นรูปแบบของผู้ประเมิน เพื่อสอบถามการดำเนินการโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โรงเรียนอนุบาลบ้านม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) จำนวน 1 ฉบับ แบ่งออกเป็น 2 ตอน ดังต่อไปนี้
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ สถานภาพ เพศ อาชีพ อายุ และระดับการศึกษา ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม แบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Checklist)
ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โรงเรียนอนุบาลบ้านม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) ทั้ง 4 ด้าน รวม 30 ข้อ ได้แก่ การประเมินด้านบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation) จำนวน 8 ข้อ การประเมินด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) จำนวน 8 ข้อ การประเมินด้านกระบวนการ (Process Evaluation) จำนวน 8 ข้อ และการประเมินด้านผลผลิต (Product Evaluation) จำนวน 6 ข้อ แบบสอบถามมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ตามแบบของลิเคิร์ท (Likert Rating Scale)
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าแจกแจงความถี่ (Frequency Distributions) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmetic Mean: ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.) โปรแกรมที่ใช้วิเคราะห์สถิติ คือ โปรแกรม Excel
ผลการประเมินสรุปได้ดังนี้
การประเมินโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โรงเรียนอนุบาลบ้านม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 สรุปผลการประเมินในภาพรวม พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินโครงการ กล่าวคือ ผู้ประเมินกำหนดเกณฑ์การประเมินโครงการโดยแต่ละด้านต้องผ่านเกณฑ์ประเมิน อยู่ในระดับมาก ( ≥ 3.50) และผลการประเมินโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โรงเรียนอนุบาลบ้านม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.57, S.D. = 0.64) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านบริบทของโครงการ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านผลผลิตของโครงการมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านกระบวนการของโครงการ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และด้านปัจจัยของโครงการ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ
ด้านบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation) มีผลผ่านเกณฑ์การประเมินโครงการอยู่ในระดับมากที่สุด โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.69, S.D. = 0.57) เมื่อพิจารณารายข้อโดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า โครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด รายข้อหลักการและเหตุผลของโครงการมีความสอดคล้องกับนโยบายของหน่วยงาน อยู่ในระดับมากที่สุด รายข้อโครงการมีความจำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา อยู่ในระดับมากที่สุด รายข้อคณะกรรมการสถานศึกษาเห็นความสำคัญของโครงการ อยู่ในระดับมากที่สุด รายข้อโครงการมีความสอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน อยู่ในระดับมากที่สุด รายข้อผู้บริหารสถานศึกษาเห็นความสำคัญ ของโครงการ อยู่ในระดับมากที่สุด รายข้อข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเห็นความสำคัญ ของโครงการ อยู่ในระดับมากที่สุด และรายข้อผู้ปกครองเห็นความสำคัญของโครงการเป็นรายข้อ อยู่ในระดับมาก ตามลำดับ
ด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) มีผลผ่านเกณฑ์การประเมินโครงการ อยู่ในระดับมาก ( = 4.34, S.D. = 0.72) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า รายข้อโรงเรียนมีสถานที่ที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมตามโครงการเหมาะสมและเพียงพอเท่ากับรายข้อโรงเรียนมีสถานที่ที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมตามโครงการเหมาะสมและเพียงพอ อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมารายข้อวัสดุ อุปกรณ์ สื่อ มีความหลากหลายรวมถึงมีความเพียงพอ เหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด รายข้อคณะกรรมการผู้รับผิดชอบโครงการ มีความรู้ ความเข้าใจในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) อยู่ในระดับมาก เท่ากับ รายข้อข้าราชการครูและบุคลกรทางการศึกษา มีความรู้ ความเข้าใจ ในกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) คือ อยู่ในระดับมาก รองลงมารายข้อนักเรียนให้ความสนใจ ให้ความร่วมมือต่อการจัดกิจกรรมตามโครงการ อยู่ในระดับมาก รายข้อโรงเรียนมีการจัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมตามโครงการ อยู่ในระดับมาก และรายข้อที่มีระดับความคิดเห็นน้อยที่สุด ผู้ปกครองนักเรียนให้ความสนใจ ให้ความร่วมมือต่อการจัดกิจกรรมตามโครงการ อยู่ในระดับมาก ตามลำดับ
ด้านกระบวนการ (Process Evaluation) มีผลผ่านเกณฑ์การประเมินโครงการอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.61, S.D. = 0.65) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า รายข้อผู้บริหารมีการนิเทศ ติดตาม การดำเนินงาน ตามโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชน การเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) มีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด เท่ากันกับรายข้อข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รายงานการดำเนินกิจกรรมตามโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) รองลงมารายข้อข้าราชการครูและบุคลกรทางการศึกษา ร่วมกิจกรรมตามโครงการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมานักเรียนให้ความร่วมมือ เอาใจใส่ในกิจกรรมโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) มีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด เท่ากันกับรายข้อคณะกรรมการสถานขั้นพื้นฐาน มีการติดตามกิจกรรมการดำเนินงานตามโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) รองลงมา รายข้อผู้ปกครองนักเรียนให้ความร่วมมือ เอาใจใส่ในกิจกรรมโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) อยู่ในระดับมากที่สุด รายข้อข้าราชการครูและบุคลกรทางการศึกษา ร่วมกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ อยู่ในระดับมากที่สุด และรายข้อที่มีระดับความคิดเห็นน้อยที่สุด คือ รายข้อมีการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์การดำเนินงานให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ อยู่ในระดับมาก ตามลำดับ
ด้านผลผลิต (Product Evaluation) มีผลผ่านเกณฑ์การประเมินโครงการอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.62, S.D. = 0.63) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อโดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ระดับสถานศึกษาของนักเรียนสูงขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาเป็นรายข้อนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน NT ระดับประเทศของนักเรียนสูงขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด นักเรียนมีผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนระดับสถานศึกษา ร้อยละ 100 อยู่ในระดับมากที่สุด นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ผ่านเกณฑ์ระดับสถานศึกษา ร้อยละ 100 อยู่ในระดับมากที่สุด เท่ากันกับรายข้อนักเรียนมีผลการประเมินอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียนผ่านเกณฑ์ ระดับสถานศึกษา ร้อยละ 100 และรายข้อที่มีระดับความคิดเห็นน้อยที่สุด คือ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน O-net ระดับประเทศของนักเรียนสูงขึ้น อยู่ในระดับมาก ตามลำดับ
ข้อเสนอแนะ
การประเมินโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) โรงเรียนอนุบาลบ้านม่วง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 3 ผู้ประเมินมีข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทาง ในการปฏิบัติงานของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและเพื่อเป็นแนวทางในการประเมินโครงการครั้งต่อไป ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้
1. ผลการประเมินด้านบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Context) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ในการตัดสินใจของผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบโครงการในการริเริ่มจัดทำโครงการ
2. ผลการประเมินด้านปัจจัยหรือทรัพยากร (Input) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจของผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบโครงการเกี่ยวกับการวางแผนดำเนินโครงการ
3. ผลการประเมินด้านกระบวนการ (Process) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ ของผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบโครงการเพื่อตัดสินใจปรับปรุงกิจกรรมและวิธีดำเนินโครงการ
4. ผลการประเมินด้านผลผลิต (Product) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ ของผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบโครงการเพื่อตัดสินคุณค่าและอนาคตของโครงการว่าจะดำเนินงานต่อไปหรือยุติโครงการ หรือเปลี่ยนจากโครงการเป็นงานประจำต่อไป
5. ผลการประเมินความคิดเห็นของนักเรียนจะทำให้ทราบว่า นักเรียนมีความคิดเห็นต่อการดำเนินโครงการมากน้อยเพียงใด ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุง โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความสนใจของนักเรียน
6. การประเมินโครงการในครั้งนี้ใช้รูปแบบการประเมินแบบซิป (CIPP Model) ซึ่งเป็นรูปแบบการประเมินที่ครอบคลุมปัจจัยในการบริหารโครงการและสอดคล้องกับการประเมินทาง การศึกษา สามารถนำรูปแบบการประเมินดังกล่าวนี้ไปใช้ประเมินโครงการโครงการอื่น ๆ ได้
ข้อเสนอแนะสำหรับการประเมินโครงการครั้งต่อไป
1. ควรให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการจัดการศึกษาของโรงเรียนทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการประเมิน เพื่อให้ได้สารสนเทศเกี่ยวกับผลกระทบ (Impact) และผลลัพธ์ (Outcome) จากการดำเนินโครงการมากยิ่งขึ้น
2. ควรใช้วิธีการและเครื่องมือในการประเมินอย่างหลากหลายเพื่อให้ได้ผลการประเมินที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การรับฟังความคิดเห็นของผู้ปกครองจากการประชุมผู้ปกครองระดับชั้นเรียน เป็นต้น
3. ควรมีการศึกษาการประเมินโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) ในรูปแบบการประเมินโครงการในรูปแบบอื่น ๆ อาทิ รูปแบบการประเมินของราล์ฟ ดับบลิว ไทเลอร์ (Ralph W. Tyler) รูปแบบการประเมินของมาร์วิน ซี อัลคิน (Marvin C. Alkin) รูปแบบการประเมินของแมลคอล์ม เอ็ม โพรวัส (Malcolm M. Provus) รูปแบบการประเมินของไมเคิล สคริฟเว่น (Michael Scriven) รูปแบบการประเมินของโรเบิร์ต อี สเตค (Robert E. Stake) รูปแบบการประเมินของเคิร์กแพทริค (Kirkpatrick) อื่น ๆ