ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลสบปราบ ปีการศึกษา 2564
ผู้วิจัย นางสาวชลันดา นิลสนธิ
ปีที่ทำเสร็จ พ.ศ.2565
บทคัดย่อ
รายงานการประเมินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลสบปราบ ปีการศึกษา 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานการประเมินโครงการการนิเทศภายในของโรงเรียนอนุบาลสบปราบ ปีการศึกษา 2564 ในด้านบริบท ด้านปัจจัย ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต เพื่อสอบถามความคิดเห็นของครูผู้สอนต่อการดำเนินงานโครงการนิเทศภายใน เพื่อศึกษาความพึงพอใจของครูกับ การดำเนินงานโครงการการนิเทศภายใน และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนของครูภายใต้โครงการนิเทศภายใน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ ผู้บริหาร คณะครู นักเรียน ผู้ปกครองนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนอนุบาลสบปราบ รวมทั้งสิ้น 257 คน ได้กลุ่มตัวอย่างจากการคัดเลือกอย่างเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามจำนวน 4 ฉบับ มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ 1) แบบสอบถามสภาพการดำเนินงานนิเทศภายใน ในด้านบริบท ด้านปัจจัย ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต 2) แบบสอบถามความคิดเห็นของครูผู้สอนต่อสภาพการปฏิบัติงานการนิเทศภายใน 3) แบบประเมินความพึงพอใจของครูที่มีต่อการดำเนินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลสบปราบ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนของครูภายใต้โครงการนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลสบปราบ 1 ฉบับ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
สรุปผลการศึกษา
ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้
1. ระดับความคิดเห็นของผู้บริหาร คณะครู ผู้ปกครองนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ต่อสภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลสบปราบ ปีการศึกษา 2564 ด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ มีการกำหนดโครงการไว้ในแผนปฏิบัติงานประจำปี รองลงมาคือ มีการวิเคราะห์สภาพของโรงเรียนและบรรจุโครงการไว้ใน แผนกลยุทธ์โรงเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน และโรงเรียนได้กำหนดวัตถุประสงค์ของโครงการ
2. ระดับความคิดเห็นของผู้บริหาร คณะครู ผู้ปกครองนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ต่อสภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลสบปราบ ปีการศึกษา 2564 ด้านปัจจัย โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ โรงเรียนกำหนดการนิเทศภายในเป็นนโยบายหลัก รองลงมาคือ การประชุมทุกครั้งจะติดตามผลการดำเนินงานครั้งก่อนอย่างต่อเนื่อง และ มีจัดประชุมอบรม สัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่บุคลากรเกี่ยวกับการดำเนินงานตามโครงการ
3. ระดับความคิดเห็นของผู้บริหาร คณะครู ผู้ปกครองนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ต่อสภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลสบปราบ ปีการศึกษา 2564 ด้านกระบวนการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ มีการมอบหมายงานให้แก่บุคลากรเพื่อรับผิดชอบที่ตรงกับความรู้ความสามารถ รองลงมาคือ ครูได้รับการพัฒนาด้านวิชาชีพ เช่น การอบรม ประชุม สัมมนา ในวิชาชีพอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และ โรงเรียนมีการวางแผนการปฏิบัติงานที่เป็นระบบ
4. ระดับความคิดเห็นของผู้บริหาร คณะครู ผู้ปกครองนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ต่อสภาพการดำเนินงานการนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลสบปราบ ปีการศึกษา 2564 ด้านผลผลิต โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ความร่าเริงแจ่มใส รองลงมาคือ ผู้เรียนกล้าแสดงออก ถาม และตอบคำถาม ในการเรียนรู้อย่างถูกต้องและมีเหตุผล และ การมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ตามความเหมาะสม และการมีสุขภาพพลานามัยดี มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน
5. ระดับความคิดเห็นของครูผู้สอนต่อสภาพการปฏิบัติงานการนิเทศภายในตามกระบวนการ 4 ขั้นตอน ในขั้นการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ การศึกษาผลการประเมินคุณภาพเด็กระดับปฐมวัย/คุณภาพผู้เรียนระดับประถมศึกษา และมีการสำรวจ สอบถามปัญหา และความต้องการจากคณะครู มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน รองลงมาคือ มีการประชุมหารือการดำเนินการนิเทศภายในอย่างต่อเนื่อง และ การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการ ด้านต่างๆ อย่างเป็นระบบและมีการรับฟังความคิดเห็นจากคณะครูในการวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการ มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน
6. ระดับความคิดเห็นของครูผู้สอนต่อสภาพการปฏิบัติงานการนิเทศภายในตามกระบวนการ 4 ขั้นตอน ในขั้นการวางแผน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ การกำหนดกิจกรรม รายละเอียด เป้าหมาย ตัวบ่งชี้ รองลงมาคือ การกำหนดปัญหาที่ชัดเจนต่อการแก้ไขในรูปแบบที่เป็นไปได้ และการประชุม คณะครูเพื่อร่วมกันวางแผนวิเคราะห์ ปัญหาที่พบ
7. ระดับความคิดเห็นของครูผู้สอนต่อสภาพการปฏิบัติงานการนิเทศภายในตามกระบวนการ 4 ขั้นตอน ในขั้นการปฏิบัติงาน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่คณะครูเกี่ยวกับกระบวนการนิเทศภายใน รองลงมาคือ การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่คณะครูในกิจกรรมการนิเทศภายในแต่ละกิจกรรม และ การประชุมชี้แจงคณะครูในการดำเนินการนิเทศภายในและวางแผนในการดำเนินการนิเทศภายใน
8. ระดับความคิดเห็นของครูผู้สอนต่อสภาพการปฏิบัติงานการนิเทศภายในตามกระบวนการ 4 ขั้นตอน ในขั้นการประเมินผลและรายงานผล โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ การประเมินผลการดำเนินการนิเทศภายในตามกระบวนการ 5 ขั้นตอน รองลงมาคือ การดำเนินการประเมินผล 3 ระยะ คือ ก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และหลังดำเนินการ และมีการติดตามผลการดำเนินการนิเทศภายในเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน และนำผลจากการประเมินวิเคราะห์ และหาแนวทาง พัฒนาการนิเทศภายในครั้งต่อไป
9. ระดับความพึงพอใจของครูที่มีต่อการดำเนินโครงการนิเทศภายในโรงเรียนอนุบาลสบปราบ พบว่า ครูมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ กิจกรรมนิเทศภายในโรงเรียนช่วยพัฒนาครูตามความต้องการ/ จำเป็น และบทบาทหน้าที่ของผู้นิเทศ มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน รองลงมาคือ การมีส่วนร่วมของคณะครู และความเหมาะสมของกิจกรรมในเทศในด้านการให้คำปรึกษาแนะนำ และบรรยากาศการนิเทศ มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน
10. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนของครูภายใต้โครงการนิเทศภายใน โรงเรียนอนุบาลสบปราบ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ เนื้อหาที่สอนทันสมัยนำไปใช้ได้จริง รองลงมาคือกิจกรรมการเรียนสนุกและน่าสนใจและครูส่งเสริมให้นักเรียนค้นคว้าความรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน และกิจกรรมการเรียนการสอน (จัดประสบการณ์เรียนรู้) สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนการสอนและครูส่งเสริมให้นักเรียน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และร่วมกันอภิปราย มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน