ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการประเมินโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โรงเรียนบ้านชุมแสง อำเภอหนองหงส์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3

ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โรงเรียนบ้านชุมแสง อำเภอหนองหงส์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3

ผู้รายงาน นายประยูร เทินสะเกตุ

ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2564

บทคัดย่อ

การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อประเมินสภาพการบริหารงานโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของโรงเรียนบ้านชุมแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ปีการศึกษา 2564 ในด้านบริบท 2) เพื่อประเมินสภาพการบริหารงานโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ ของโรงเรียนบ้านชุมแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ปีการศึกษา 2564 ในด้านปัจจัยพื้นฐาน 3) เพื่อประเมินสภาพการบริหารงานโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของโรงเรียนบ้านชุมแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ปีการศึกษา 2564 ในด้านกระบวนการ 4) เพื่อประเมินสภาพการบริหารงานโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของโรงเรียนบ้านชุมแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ปีการศึกษา 2564 ในด้านผลผลิต

ประชากรที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ครูผู้สอน จำนวน 5 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 64 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 64 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แบบประเมินด้านบริบทของโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ 2) แบบประเมินด้านปัจจัยพื้นฐานของโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ 3) แบบประเมินด้านกระบวนการโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ 4) แบบประเมินด้านผลผลิตโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ประกอบด้วย เครื่องมือ 6 ฉบับ คือ ฉบับที่ 1 แบบประเมินกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ ประกอบด้วย 1) แบบประเมินกิจกรรมวางทุกงานอ่านทุกคน 2) แบบประเมินกิจกรรมวันสำคัญสานฝันวัฒนธรรรม 3) แบบประเมินกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ กิจกรรมเสียงตามสาย 4) แบบประเมินกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ กิจกรรมเอื้ออาทรพี่สอนน้อง 5) แบบประเมินกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ กิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน ฉบับที่ 2 แบบประเมินพฤติกรรมนิสัยรักการอ่าน ฉบับที่ 3 แบบประเมินพฤติกรรมนักเรียนในการเรียนที่เกิดจากโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ ฉบับที่ 4 แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ ฉบับที่ 5 แบบประเมินความพึงพอใจของครูและผู้ปกครองต่อกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ ฉบับที่ 6 แบบบันทึกการเปรียบเทียบผลการเรียนปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา 2564 เครื่องมือมีความเที่ยงตรงตามเนื้อหาระหว่าง 0.79-0.89 และมีค่าความเชื่อมั่นระหว่าง 0.73-0.75

การประเมินสรุปผล ดังนี้

1. ผลการประเมินด้านบริบทของโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.58 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 7 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 3 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 2 การกำหนดหลักการของโครงการสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและนโยบายของโรงเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.80 ลำดับที่ 2 คือ ข้อ 1 การกำหนดหลักการของโครงการสอดคล้องกับสภาพปัญหา มีค่าเฉลี่ย 4.79 ลำดับที่ 3 คือ ข้อ 3 การกำหนดเป้าหมาย ของโครงการสอดคล้องกับปัญหาและวัตถุประสงค์ของโครงการ และข้อ 9 การกำหนดหลักการ ของโครงการสอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน ครู ผู้ปกครองนักเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.72 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ข้อ 10 มีสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนเหมาะสมและส่งเสริมการดำเนินงานโครงการมีสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนเหมาะสมและส่งเสริมการดำเนินงานโครงการ มีค่าเฉลี่ย 4.46

2. ผลการประเมินด้านปัจจัยพื้นฐานการดำเนินงานโครงการพัฒนาทักษะ การอ่านออกเขียนได้ โดยรวม อยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.57 โดยรวม เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 9 ข้อ อยู่ในระดับมาก จำนวน 4 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 9 บุคลากรมีคุณภาพ มีค่าเฉลี่ย 4.76 ลำดับที่ 2 ข้อ 8 ครูผู้รับผิดชอบโครงการมีศักยภาพในการทำงาน มีค่าเฉลี่ย 4.75 ลำดับที่ 3 ข้อ 4 มีครู บุคลากรรับผิดชอบโครงการเพียงพอ มีค่าเฉลี่ย 4.70 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ข้อ 1 มีครูรับผิดชอบงานบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียนเพียงพอ และข้อ 2 ผู้ช่วยงานบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียนเพียงพอ มีค่าเฉลี่ย 4.32

3 ผลการประเมินด้านกระบวนการของโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.66 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 10 ข้อ อยู่ในระดับ มาก 2 ข้อ และมีข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 9 มีมีการให้คำปรึกษาแนะนำ มีค่าเฉลี่ย 4.76 ลำดับที่ 2 ข้อ 8 มีการส่งเสริมสนับสนุนการทำงาน มีค่าเฉลี่ย 4.75 ลำดับที่ 3 ข้อ 1 มีมีคำสั่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ มีค่าเฉลี่ย 4.72 ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ข้อ 2 มีแผนภูมิการบริหารงาน มีค่าเฉลี่ย 4.35

4 ผลการประเมินด้านผลผลิตของโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.47 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มาก ทุกกิจกรรมและกิจกรรมที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย คือ กิจกรรมวางทุกงานอ่านทุกคน กิจกรรมวันสำคัญสานฝันวัฒนธรรม และกิจกรรมเสียงตามสาย มีค่าเฉลี่ย 4.50 กิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน มีค่าเฉลี่ย 4.44 ส่วนกิจกรรมที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กิจกรรมเอื้ออาทรพี่สอนน้อง มีค่าเฉลี่ย 4.42

4.1 ผลการประเมินกิจกรรมวางทุกงานอ่านทุกคน โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.50 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 5 ข้อ อยู่ในระดับมาก จำนวน 6 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 2 อ่านเพราะนักเรียนสนใจครูไม่ได้บังคับ มีค่าเฉลี่ย 4.71 ลำดับที่ 2 ข้อ 11 นักเรียนมีความสนใจ ในการอ่านเพิ่มมากขึ้น มีค่าเฉลี่ย 4.65 ลำดับที่ 3 ข้อ 6 อ่านเพื่อหาความบันเทิง มีค่าเฉลี่ย 4.63 และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 8 มีการบันทึกการอ่านตามความสนใจ มีค่าเฉลี่ย 4.22

4.2 ผลการประเมินกิจกรรมวันสำคัญสานฝันวัฒนธรรม โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.50 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 6 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 5 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 8 นักเรียนมีความพึงพอใจในการร่วมกิจกรรม มีค่าเฉลี่ย 4.68 ลำดับที่ 2 ข้อ 3 กิจกรรมน่าสนใจ มีค่าเฉลี่ย 4.65 ลำดับที่ 3 คือ ข้อ 4 นักเรียนมีความสนใจร่วมกิจกรรม ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 11 นักเรียนสามารถสรุปองค์ความรู้จากวันสำคัญได้ มีค่าเฉลี่ย 4.28

4.3 ผลการประเมินกิจกรรมเสียงตามสาย โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.50 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 6 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 7 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 4 มีการแบ่งหน้าที่ของผู้ประกาศ และข้อ 1 ใช้เวลาได้เหมาะสม มีค่าเฉลี่ย 4.71 ลำดับที่ 2 ข้อ 12 มีตาราง

ในการออกอากาศ มีค่าเฉลี่ย 4.68 ลำดับที่ 3 ข้อ 2 นักเรียนให้ความสนใจในการฟังเสียงตามสาย และข้อ 3 เป็นรายการที่น่าสนใจมี ค่าเฉลี่ย 4.66 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 5 นักเรียนมีส่วนร่วมในการคัดเลือกเนื้อหาสาระมาออกอากาศ มีค่าเฉลี่ย 4.23

4.4 ผลการประเมินกิจกรรมเอื้ออาทรพี่สอนน้อง โดยรวมอยู่ในระดับ มาก

มีค่าเฉลี่ย 4.42 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 4 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 7 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 7

เวลาที่ใช้ทำกิจกรรมเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย 4.72 ลำดับที่ 2 ข้อ 1 มีความสุขในการร่วมกิจกรรม

มีค่าเฉลี่ย 4.68 ลำดับที่ 3 ข้อ 8 มีมีหนังสือให้เลือกหลากหลาย มีค่าเฉลี่ย 4.55 ข้อที่มีค่าเฉลี่ย

ต่ำที่สุดคือ ข้อ 10 สามารถเขียนสรุปใจความเรื่องที่อ่านได้ มีค่าเฉลี่ย 4.14

4.5 ผลการประเมินกิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน โดยรวมอยู่ในระดับ มาก

มีค่าเฉลี่ย 4.44 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 3 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 7 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 10 นักเรียนมีความสุขในการเรียนเพิ่มขึ้นและมีพัฒนาการอ่านและการเขียนตามลำดับมีค่าเฉลี่ย 4.74 ลำดับที่ 2 ข้อ 3 การคัดบทเพลงในการฝึกอ่าน มีค่าเฉลี่ย 4.65 ลำดับที่ 3 ข้อ 1 นักเรียนเรียนรู้จากคำชี้แจงและจากตัวอย่างด้วยความเข้าใจ มีค่าเฉลี่ย 4.48 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 5 การสรุป

บทเพลง มีค่าเฉลี่ย 4.20

4.6 ผลการประเมินนิสัยรักการอ่านของนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.58 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 7 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 3 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 2 ให้ความสำคัญของการอ่าน มีค่าเฉลี่ย 4.71 ลำดับที่ 2 ข้อ 4 อ่านอย่างต่อเนื่องทุกวัน มีค่าเฉลี่ย 4.70 ลำดับที่ 3 ข้อ 1 สนใจการอ่าน และข้อ 3 ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการอ่าน มีค่าเฉลี่ย 4.67 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 6 ใช้เวลาในการอ่านเพิ่มขึ้น มีค่าเฉลี่ย 4.37

4.7 ผลการประเมินพฤติกรรมนักเรียนในการเรียนที่เกิดจากโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.55 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 10 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 5 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ข้อ 15 นำการอ่านมาเป็นกิจวัตรประจำวัน ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 12 อ่านทบทวนบทเรียนเมื่อ

มีเวลาว่าง มีค่าเฉลี่ย 4.20

4.8 ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.48 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 12 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 4 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ข้อ 8

ความพึงพอใจต่อเครือข่ายส่งเสริมการอ่านภายใน และข้อ 10 ความพึงพอใจกิจกรรมวางทุกงานอ่านทุกคน มีค่าเฉลี่ย 4.62 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 7 การมีส่วนร่วมของหน่วยงานอื่นการมีส่วนร่วมของหน่วยงานอื่น มีค่าเฉลี่ย 4.18

4.9 ผลการประเมินความพึงพอใจของครูต่อกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.58 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 14 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 2 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ข้อ 4 การมีส่วนร่วมของครู ข้อ 14 ความพึงพอใจกิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน และข้อ 16 ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ มีค่าเฉลี่ย 4.80 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 7 การมีส่วนร่วมของหน่วยงานอื่น และข้อ 9 ความพึงพอใจต่อเครือข่ายส่งเสริมการอ่านภายนอก มีค่าเฉลี่ย 4.20

4.10 ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนต่อกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.48 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 9 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 7 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 2 กิจกรรมตรงกับความต้องการ มีค่าเฉลี่ย 4.65 ลำดับที่ 2 ข้อ 16 ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ มีค่าเฉลี่ย 4.62 ลำดับที่ 3 ข้อ 10 ความพึงพอใจกิจกรรมวางทุกงานอ่านทุกคน และข้อ 14 ความพึงพอใจกิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน มีค่าเฉลี่ย 4.57 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 7 การมีส่วนร่วมของหน่วยงานอื่นมีค่าเฉลี่ย 4.22

4.11 ผลการเปรียบเทียบร้อยละคะแนนสอบปลายปีของนักเรียนในปีการศึกษา 2563 กับปีการศึกษา 2564 โดยรวมมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละปีการศึกษา 2564 เพิ่มขึ้นจากปีการศึกษา 2563 โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.02 เรียงลำดับดังนี้ ลำดับที่ 1 สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ย

ร้อยละเพิ่มขึ้น 9.67 ลำดับที่ 2 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเพิ่มขึ้น 7.78 ลำดับที่ 3 สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเพิ่มขึ้น 7.71 ลำดับที่ 4 สาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเพิ่มขึ้น 5.07

โพสต์โดย yoon : [24 ต.ค. 2565 เวลา 13:39 น.]
อ่าน [1690] ไอพี : 1.10.206.212
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,820 ครั้ง
ส่งท้ายปีเก่า 2553
ส่งท้ายปีเก่า 2553

เปิดอ่าน 15,232 ครั้ง
เหตุใดคนญี่ปุ่นจึงมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสูง นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบนี้..
เหตุใดคนญี่ปุ่นจึงมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสูง นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบนี้..

เปิดอ่าน 19,235 ครั้ง
หลักเกณฑ์การคำนวณเงินค่าเสาเข็มฐานรากอาคารเรียนและอาคารประกอบ
หลักเกณฑ์การคำนวณเงินค่าเสาเข็มฐานรากอาคารเรียนและอาคารประกอบ

เปิดอ่าน 19,257 ครั้ง
สมดุลของ 2 ส้อม และ 1 ไม้จิ้มฟัน
สมดุลของ 2 ส้อม และ 1 ไม้จิ้มฟัน

เปิดอ่าน 19,194 ครั้ง
โปรแกรมเฮ้าส์คีปเปอร์
โปรแกรมเฮ้าส์คีปเปอร์

เปิดอ่าน 44,750 ครั้ง
วิธีแก้ the dependency service or group failed to start ใน Win7
วิธีแก้ the dependency service or group failed to start ใน Win7

เปิดอ่าน 9,755 ครั้ง
เตือนภาชนะจากพลาสติก อันตรายต่อสมอง
เตือนภาชนะจากพลาสติก อันตรายต่อสมอง

เปิดอ่าน 10,733 ครั้ง
สู่ความสำเร็จในการทำงานตามแนวพุทธ
สู่ความสำเร็จในการทำงานตามแนวพุทธ

เปิดอ่าน 19,386 ครั้ง
เรื่องของกราฟ
เรื่องของกราฟ

เปิดอ่าน 27,839 ครั้ง
ครูทึ่ง ! เด็กป.1 ฝีมือบรรเจิด วาดภาพสวยเกินวัย-ความจำดีเลิศ
ครูทึ่ง ! เด็กป.1 ฝีมือบรรเจิด วาดภาพสวยเกินวัย-ความจำดีเลิศ

เปิดอ่าน 14,884 ครั้ง
ร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์
ร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์

เปิดอ่าน 16,114 ครั้ง
กรุงศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยา

เปิดอ่าน 11,312 ครั้ง
การนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงิน
การนำสิทธิในบำเหน็จตกทอดไปเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงิน

เปิดอ่าน 8,695 ครั้ง
ใช้ร้านเน็ตให้ปลอดภัย
ใช้ร้านเน็ตให้ปลอดภัย

เปิดอ่าน 533,955 ครั้ง
วินัยข้าราชการครู
วินัยข้าราชการครู

เปิดอ่าน 16,943 ครั้ง
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552
เปิดอ่าน 812 ครั้ง
การอาบน้ำเกิน 10 นาที สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวหนังได้
การอาบน้ำเกิน 10 นาที สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวหนังได้
เปิดอ่าน 19,585 ครั้ง
เหรียญปราบฮ่อ
เหรียญปราบฮ่อ
เปิดอ่าน 10,855 ครั้ง
5 อาชีพที่ทำได้แม้อยู่บ้าน
5 อาชีพที่ทำได้แม้อยู่บ้าน
เปิดอ่าน 14,294 ครั้ง
สมุนไพรฤทธิ์เย็น ตัวช่วยดูแลผิว ประหยัด..ช่วงปลายฝนต้นหนาว
สมุนไพรฤทธิ์เย็น ตัวช่วยดูแลผิว ประหยัด..ช่วงปลายฝนต้นหนาว

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ