ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่าน โรงเรียนบ้านชุมแสง อำเภอหนองหงส์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3

ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่าน โรงเรียนบ้านชุมแสง อำเภอหนองหงส์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3

ผู้รายงาน นายประยูร เทินสะเกตุ

ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2564

บทคัดย่อ

การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อประเมินสภาพการบริหารงานโครงการส่งเสริมการอ่านของโรงเรียนบ้านชุมแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3

ปีการศึกษา 2564 ในด้านบริบท 2) เพื่อประเมินสภาพการบริหารงานโครงการส่งเสริมการอ่าน

ของโรงเรียนบ้านชุมแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ปีการศึกษา 2564 ในด้านปัจจัยพื้นฐาน 3) เพื่อประเมินสภาพการบริหารงานโครงการส่งเสริมการอ่านของโรงเรียน

บ้านชุมแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ปีการศึกษา 2564 ในด้านกระบวนการ 4) เพื่อประเมินสภาพการบริหารงานโครงการส่งเสริมการอ่านของโรงเรียน บ้านชุมแสง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ปีการศึกษา 2564 ในด้านผลผลิต

ประชากรที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ครูผู้สอน จำนวน 5 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 64 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 64 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แบบประเมินด้านบริบทของโครงการส่งเสริมการอ่าน

2) แบบประเมินด้านปัจจัยพื้นฐานของโครงการส่งเสริมการอ่าน 3) แบบประเมินด้านกระบวนการโครงการส่งเสริมการอ่าน 4) แบบประเมินด้านผลผลิตโครงการส่งเสริมการอ่านประกอบด้วย เครื่องมือ 6 ฉบับ คือ ฉบับที่ 1 แบบประเมินกิจกรรมโครงการส่งเสริมการอ่าน ประกอบด้วย 1) แบบประเมินกิจกรรมวางทุกงานอ่านทุกคน 2) แบบประเมินกิจกรรมวันสำคัญสานฝันวัฒนธรรรม 3) แบบประเมินกิจกรรมโครงการส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมเสียงตามสาย 4) แบบประเมินกิจกรรมโครงการส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมเอื้ออาทรพี่สอนน้อง 5) แบบประเมินกิจกรรมโครงการส่งเสริม

การอ่าน กิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน ฉบับที่ 2 แบบประเมินพฤติกรรมนิสัยรักการอ่าน ฉบับที่ 3 แบบประเมินพฤติกรรมนักเรียนในการเรียนที่เกิดจากโครงการส่งเสริมการอ่าน ฉบับที่ 4 แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ฉบับที่ 5 แบบประเมินความพึงพอใจของครูและผู้ปกครองต่อกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ฉบับที่ 6 แบบบันทึกการเปรียบเทียบผลการเรียนปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา 2564 เครื่องมือมีความเที่ยงตรงตามเนื้อหาระหว่าง 0.79-0.89 และมีค่าความเชื่อมั่นระหว่าง 0.73-0.75

การประเมินสรุปผล ดังนี้

1. ผลการประเมินด้านบริบทของโครงการส่งเสริมการอ่าน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.58 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 7 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 3 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 2 การกำหนดหลักการของโครงการสอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและนโยบายของโรงเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.80 ลำดับที่ 2 คือ ข้อ 1 การกำหนดหลักการของโครงการสอดคล้องกับสภาพปัญหา มีค่าเฉลี่ย 4.79 ลำดับที่ 3 คือ ข้อ 3 การกำหนดเป้าหมาย ของโครงการสอดคล้องกับปัญหาและวัตถุประสงค์ของโครงการ และข้อ 9 การกำหนดหลักการ ของโครงการสอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน ครู ผู้ปกครองนักเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.72

ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ข้อ 10 มีสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนเหมาะสมและส่งเสริมการดำเนินงานโครงการมีสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนเหมาะสมและส่งเสริมการดำเนินงานโครงการ

มีค่าเฉลี่ย 4.46

2. ผลการประเมินด้านปัจจัยพื้นฐานการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการอ่าน โดยรวม อยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.57 โดยรวม เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 9 ข้อ อยู่ในระดับมาก จำนวน 4 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 9 บุคลากรมีคุณภาพ มีค่าเฉลี่ย 4.76 ลำดับที่ 2 ข้อ 8 ครูผู้รับผิดชอบโครงการมีศักยภาพในการทำงาน มีค่าเฉลี่ย 4.75 ลำดับที่ 3 ข้อ 4 มีครู บุคลากรรับผิดชอบโครงการเพียงพอ มีค่าเฉลี่ย 4.70 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ข้อ 1 มีครูรับผิดชอบงานบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียนเพียงพอ และข้อ 2 ผู้ช่วยงานบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียนเพียงพอ มีค่าเฉลี่ย 4.32

3 ผลการประเมินด้านกระบวนการของโครงการส่งเสริมการอ่าน โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.66 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 10 ข้อ อยู่ในระดับ มาก 2 ข้อ และมีข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 9 มีมีการให้คำปรึกษาแนะนำ มีค่าเฉลี่ย 4.76 ลำดับที่ 2 ข้อ 8 มีการส่งเสริมสนับสนุนการทำงาน มีค่าเฉลี่ย 4.75 ลำดับที่ 3 ข้อ 1 มีมีคำสั่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ มีค่าเฉลี่ย 4.72 ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ย

ต่ำที่สุด คือ ข้อ 2 มีแผนภูมิการบริหารงาน มีค่าเฉลี่ย 4.35

4 ผลการประเมินด้านผลผลิตของโครงการส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมโครงการส่งเสริมการอ่าน โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.47 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มาก ทุกกิจกรรมและกิจกรรมที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย คือ กิจกรรมวางทุกงาน อ่านทุกคน กิจกรรมวันสำคัญสานฝันวัฒนธรรม และกิจกรรมเสียงตามสาย มีค่าเฉลี่ย 4.50 กิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน มีค่าเฉลี่ย 4.44 ส่วนกิจกรรมที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กิจกรรมเอื้ออาทร พี่สอนน้อง มีค่าเฉลี่ย 4.42

4.1 ผลการประเมินกิจกรรมว่างจากงานอ่านทุกคน โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.50 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 5 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 6 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 2 อ่านเพราะนักเรียนสนใจครูไม่ได้บังคับ มีค่าเฉลี่ย 4.71 ลำดับที่ 2 ข้อ 11 นักเรียนมีความสนใจ ในการอ่านเพิ่มมากขึ้น มีค่าเฉลี่ย 4.65 ลำดับที่ 3 ข้อ 6 อ่านเพื่อหาความบันเทิง มีค่าเฉลี่ย 4.63 และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 8 มีการบันทึกการอ่านตามความสนใจ มีค่าเฉลี่ย 4.22

4.2 ผลการประเมินกิจกรรมวันสำคัญสานฝันวัฒนธรรม โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.50 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 6 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 5 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 8 นักเรียนมีความพึงพอใจในการร่วมกิจกรรม มีค่าเฉลี่ย 4.68 ลำดับที่ 2 ข้อ 3 กิจกรรมน่าสนใจ มีค่าเฉลี่ย 4.65 ลำดับที่ 3 คือ ข้อ 4 นักเรียนมีความสนใจร่วมกิจกรรม ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 11 นักเรียนสามารถสรุปองค์ความรู้จากวันสำคัญได้ มีค่าเฉลี่ย 4.28

4.3 ผลการประเมินกิจกรรมเสียงตามสาย โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.50 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 6 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 7 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 4 มีการแบ่งหน้าที่ของผู้ประกาศ และข้อ 1 ใช้เวลาได้เหมาะสม มีค่าเฉลี่ย 4.71 ลำดับที่ 2 ข้อ 12 มีตาราง

ในการออกอากาศ มีค่าเฉลี่ย 4.68 ลำดับที่ 3 ข้อ 2 นักเรียนให้ความสนใจในการฟังเสียงตามสาย และข้อ 3 เป็นรายการที่น่าสนใจมี ค่าเฉลี่ย 4.66 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 5 นักเรียนมีส่วนร่วมในการคัดเลือกเนื้อหาสาระมาออกอากาศ มีค่าเฉลี่ย 4.23

4.4 ผลการประเมินกิจกรรมเอื้ออาทรพี่สอนน้อง โดยรวมอยู่ในระดับ มาก

มีค่าเฉลี่ย 4.42 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 4 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 7 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 7

เวลาที่ใช้ทำกิจกรรมเหมาะสม มีค่าเฉลี่ย 4.72 ลำดับที่ 2 ข้อ 1 มีความสุขในการร่วมกิจกรรม

มีค่าเฉลี่ย 4.68 ลำดับที่ 3 ข้อ 8 มีมีหนังสือให้เลือกหลากหลาย มีค่าเฉลี่ย 4.55 ข้อที่มีค่าเฉลี่ย

ต่ำที่สุดคือ ข้อ 10 สามารถเขียนสรุปใจความเรื่องที่อ่านได้ มีค่าเฉลี่ย 4.14

4.5 ผลการประเมินกิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน โดยรวมอยู่ในระดับ มาก

มีค่าเฉลี่ย 4.44 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 3 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 7 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 10 นักเรียนมีความสุขในการเรียนเพิ่มขึ้นและมีพัฒนาการอ่านและการเขียนตามลำดับมีค่าเฉลี่ย 4.74 ลำดับที่ 2 ข้อ 3 การคัดบทเพลงในการฝึกอ่าน มีค่าเฉลี่ย 4.65 ลำดับที่ 3 ข้อ 1 นักเรียนเรียนรู้จากคำชี้แจงและจากตัวอย่างด้วยความเข้าใจ มีค่าเฉลี่ย 4.48 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 5 การสรุป

บทเพลง มีค่าเฉลี่ย 4.20

4.6 ผลการประเมินนิสัยรักการอ่านของนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.58 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 7 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 3 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 2 ให้ความสำคัญของการอ่าน มีค่าเฉลี่ย 4.71 ลำดับที่ 2 ข้อ 4 อ่านอย่างต่อเนื่องทุกวัน มีค่าเฉลี่ย 4.70 ลำดับที่ 3 ข้อ 1 สนใจการอ่าน และข้อ 3 ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการอ่าน มีค่าเฉลี่ย 4.67 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 6 ใช้เวลาในการอ่านเพิ่มขึ้น มีค่าเฉลี่ย 4.37

4.7 ผลการประเมินพฤติกรรมนักเรียนในการเรียนที่เกิดจากโครงการส่งเสริม

การอ่าน โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.55 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ

มากที่สุด จำนวน 10 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 5 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ข้อ 15

นำการอ่านมาเป็นกิจวัตรประจำวัน ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 12 อ่านทบทวนบทเรียนเมื่อ

มีเวลาว่าง มีค่าเฉลี่ย 4.20

4.8 ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมโครงการส่งเสริม

การอ่าน โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.48 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 12 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 4 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ข้อ 8

ความพึงพอใจต่อเครือข่ายส่งเสริมการอ่านภายใน และข้อ 10 ความพึงพอใจกิจกรรมวางทุกงานอ่านทุกคน มีค่าเฉลี่ย 4.62 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 7 การมีส่วนร่วมของหน่วยงานอื่นการมีส่วนร่วมของหน่วยงานอื่น มีค่าเฉลี่ย 4.18

4.9 ผลการประเมินความพึงพอใจของครูต่อกิจกรรมโครงการส่งเสริมการอ่าน โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.58 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 14 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 2 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ข้อ 4 การมีส่วนร่วมของครู ข้อ 14 ความพึงพอใจกิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน และข้อ 16 ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการส่งเสริมการอ่าน มีค่าเฉลี่ย 4.80 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 7 การมีส่วนร่วมของหน่วยงานอื่น และข้อ 9 ความพึงพอใจต่อเครือข่ายส่งเสริมการอ่านภายนอก มีค่าเฉลี่ย 4.20

4.10 ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนต่อกิจกรรมโครงการส่งเสริมการอ่าน โดยรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.48 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 9 ข้อ อยู่ในระดับ มาก จำนวน 7 ข้อ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 ลำดับ คือ ลำดับที่ 1 ข้อ 2 กิจกรรมตรงกับความต้องการ มีค่าเฉลี่ย 4.65 ลำดับที่ 2 ข้อ 16 ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการส่งเสริมการอ่าน มีค่าเฉลี่ย 4.62 ลำดับที่ 3 ข้อ 10 ความพึงพอใจกิจกรรมวางทุกงานอ่านทุกคน และข้อ 14 ความพึงพอใจกิจกรรมอ่านบทเพลงสู่งานเขียน มีค่าเฉลี่ย 4.57 ข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ข้อ 7 การมีส่วนร่วมของหน่วยงานอื่น

มีค่าเฉลี่ย 4.22

4.11 ผลการเปรียบเทียบร้อยละคะแนนสอบปลายปีของนักเรียนในปีการศึกษา 2563 กับปีการศึกษา 2564 โดยรวมมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละปีการศึกษา 2564 เพิ่มขึ้นจากปีการศึกษา 2563 โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.02 เรียงลำดับดังนี้ ลำดับที่ 1 สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ย

ร้อยละเพิ่มขึ้น 9.67 ลำดับที่ 2 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเพิ่มขึ้น 7.78 ลำดับที่ 3 สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเพิ่มขึ้น 7.71 ลำดับที่ 4 สาระการเรียนรู้ภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเพิ่มขึ้น 5.07

โพสต์โดย yoon : [24 ต.ค. 2565 เวลา 09:22 น.]
อ่าน [3379] ไอพี : 1.10.206.212
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 18,463 ครั้ง
เคยเห็นมั๊ย? มดมหัศจรรย์พันธุ์ เก็บน้ำหวานจนท้องกลมป่อง เป็นเสบียงให้ฝูง
เคยเห็นมั๊ย? มดมหัศจรรย์พันธุ์ เก็บน้ำหวานจนท้องกลมป่อง เป็นเสบียงให้ฝูง

เปิดอ่าน 39,979 ครั้ง
Adjectives (Articles - the )
Adjectives (Articles - the )

เปิดอ่าน 180,910 ครั้ง
วิธีทำ ส้มตำข้าวโพด เมนูสุขภาพ
วิธีทำ ส้มตำข้าวโพด เมนูสุขภาพ

เปิดอ่าน 15,869 ครั้ง
ADSL Technology
ADSL Technology

เปิดอ่าน 44,100 ครั้ง
จิตรกรรมไทย
จิตรกรรมไทย

เปิดอ่าน 55,365 ครั้ง
เผยแพร่ตัวอย่างเอกสารประกอบหลักสูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์(ฉบับปรับปรุงพ.ศ.2561)ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
เผยแพร่ตัวอย่างเอกสารประกอบหลักสูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์(ฉบับปรับปรุงพ.ศ.2561)ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

เปิดอ่าน 19,862 ครั้ง
สีเสียด
สีเสียด

เปิดอ่าน 13,959 ครั้ง
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56

เปิดอ่าน 61,158 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 13 การเตะโทษ
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 13 การเตะโทษ

เปิดอ่าน 17,279 ครั้ง
ค้นพบคุณประโยชน์ของพวกผลไม้หลังสุด มีคุณมากกว่าเก่า 5 เท่า
ค้นพบคุณประโยชน์ของพวกผลไม้หลังสุด มีคุณมากกว่าเก่า 5 เท่า

เปิดอ่าน 12,470 ครั้ง
ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากไททานิค
ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากไททานิค

เปิดอ่าน 38,286 ครั้ง
5คำแนะนำป้องกันครูจากการเป็นหนี้
5คำแนะนำป้องกันครูจากการเป็นหนี้

เปิดอ่าน 11,887 ครั้ง
"กูเกิล"เปิดบริการ"กูเกิล ไดรฟ์" เก็บข้อมูลออนไลน์สูงสุด "16 เทราไบท์"
"กูเกิล"เปิดบริการ"กูเกิล ไดรฟ์" เก็บข้อมูลออนไลน์สูงสุด "16 เทราไบท์"

เปิดอ่าน 10,502 ครั้ง
สตอเรจแก้วเก็บข้อมูลได้หลายร้อยล้านปี
สตอเรจแก้วเก็บข้อมูลได้หลายร้อยล้านปี

เปิดอ่าน 6,144 ครั้ง
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !

เปิดอ่าน 15,442 ครั้ง
ความลับของการเลี้ยงลูก พ่อแม่ยุคนี้ ช่วยสละเวลาสัก 2 นาที อ่านหน่อยเถอะ
ความลับของการเลี้ยงลูก พ่อแม่ยุคนี้ ช่วยสละเวลาสัก 2 นาที อ่านหน่อยเถอะ
เปิดอ่าน 14,778 ครั้ง
ชี้เอเชียรู้จักเทคนิควาดภาพด้วยสีน้ำมันก่อนยุโรปหลายร้อยปี
ชี้เอเชียรู้จักเทคนิควาดภาพด้วยสีน้ำมันก่อนยุโรปหลายร้อยปี
เปิดอ่าน 13,471 ครั้ง
9 สถานที่ท่องเที่ยว สุดประทับใจ คุณไปมารึยัง?
9 สถานที่ท่องเที่ยว สุดประทับใจ คุณไปมารึยัง?
เปิดอ่าน 9,238 ครั้ง
หมอแนะกินผัก ผลไม้ป้องกันไข้หวัดใหญ่
หมอแนะกินผัก ผลไม้ป้องกันไข้หวัดใหญ่
เปิดอ่าน 291 ครั้ง
5 วิธีป้องกันมิจฉาชีพ ไม่เสียรู้จนเสียทรัพย์ !
5 วิธีป้องกันมิจฉาชีพ ไม่เสียรู้จนเสียทรัพย์ !

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

Thailand Web Stat

Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ