ชื่อเรื่อง รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน
โรงเรียนวัดทางข้ามน้อย (ศรีวิไลประชาสรรค์) ปีการศึกษา 2564
ผู้รายงาน นางสาวฉัตรระพี เลิศวศินกุล
ปีการศึกษา 2564
บทคัดย่อ
รายงานการประเมินโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนวัดทางข้ามน้อย (ศรีวิไลประชาสรรค์) ปีการศึกษา 2564 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อประเมินด้านบริบท (Context) ของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนวัดทางข้ามน้อย (ศรีวิไลประชาสรรค์) ปีการศึกษา 2564 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 2) เพื่อประเมินด้านปัจจัยเบื้องต้น (Input)
ของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนวัดทางข้ามน้อย (ศรีวิไลประชาสรรค์)
ปีการศึกษา 2564 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 3) เพื่อประเมินด้านกระบวนการ (Process) ของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนวัดทางข้ามน้อย (ศรีวิไลประชาสรรค์) ปีการศึกษา 2564 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 และ4) เพื่อประเมินด้านผลผลิต (Product) ของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนวัดทางข้ามน้อย (ศรีวิไลประชาสรรค์) ปีการศึกษา 2564 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 ครั้งนี้ใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) โดยการประเมินด้านบริบท ด้านปัจจัยเบื้องต้น ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต ประชากร จำนวน 49 คน ได้แก่ ครู จำนวน 4 คน นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
จำนวน 19 คน ผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน
19 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม จำนวน 4 ฉบับ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย (µ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ)
ผลการประเมินสรุปได้ดังนี้
1. ด้านบริบท (Context) ตามความคิดเห็นของครู นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ภาพรวมมีความเหมาะสมกับบริบทอยู่ในระดับมาก (µ = 4.27 , σ = 0.53) เมื่อพิจารณาแต่ละรายการพบว่า รายการที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ โครงการช่วยกระตุ้นให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน
และอ่านอย่างต่อเนื่อง (µ = 4.67 , σ = 0.49) มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา
คือ หลักการและเหตุของโครงการกล่าวถึงความเป็นมา และสภาพปัญหากับสถานการณ์ปัจจุบัน
(µ = 4.40 , σ = 0.67) มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมาก รายการที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กระบวนการในการดำเนินกิจกรรมของโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านมีความน่าสนใจ
และอยากเรียนรู้ (µ = 4.00 , σ = 0.74) ซึ่งมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
2. ด้านปัจจัยเบื้องต้น (Input) ตามความคิดเห็นของครู นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (µ = 4.31 , σ = 0.30) เมื่อพิจารณาแต่ละรายการ พบว่า รายการที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ครู คณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียนและผู้ปกครอง ได้รับความรู้ ความเข้าใจการปฏิบัติกิจกรรมตามโครงการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน (µ = 4.67 , σ = 0.49) มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ โรงเรียนนำงบประมาณที่ได้จากหน่วยงานต้นสังกัด และเอกชนดำเนินการต่าง ๆ ตามระยะเวลาที่กำหนดในโครงการ (µ = 4.58 , σ = 0.52) มีความพอเพียงอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนรายการที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ โรงเรียนมีวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินงานตามโครงการเพียงพอ (µ = 3.83 , σ = 0.58) มีความพอเพียงอยู่ในระดับมาก
3. ด้านกระบวนการ (Process) ตามความคิดเห็นของครู นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (µ = 4.20 , σ = 0.26) เมื่อพิจารณาแต่ละรายการ พบว่า รายการที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ กิจกรรมที่ดำเนินการเหมาะสมกับการส่งเสริมนิสัย
รักการอ่านของนักเรียน (µ = 4.58 , σ = 0.52) รองลงมา คือ โรงเรียนส่งเสริม สนับสนุน
การปฏิบัติงานของคณะครู นักเรียน โดยให้คำปรึกษาแนะนำการดำเนินงานตามโครงการ (µ = 4.50 , σ = 0.52) ทั้งสองรายการมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนรายการที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ
มีคำสั่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบและการมอบหมายงาน/ปฏิทินการปฏิบัติงานการดำเนินงานตามโครงการอย่างชัดเจน (µ = 3.92 , σ = 0.52) ซึ่งมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก
4. ด้านผลผลิต (Product) ตามความคิดเห็นของครู นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่
4-6 ผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ในภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก (µ = 4.33 , σ = 0.22) เมื่อพิจารณาแต่ละรายการ พบว่า รายการที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ นักเรียนอ่านหนังสือทุกวัน (µ = 4.83 , σ = 0.39) รองลงมาคือ นักเรียนนำทักษะการอ่านมาใช้ประโยชน์ใน การเรียน (µ = 4.58 , σ = 0.67)
ซึ่งทั้งสองรายการมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนรายการที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ นักเรียนมีสถิติการใช้ห้องสมุดหรือมุมหนังสือในชั้นเรียนเพิ่มขึ้น (µ = 4.05 , σ = 0.52) ซึ่งมีผลการประเมิน
อยู่ในระดับมาก