ชื่อเรื่อง การศึกษาผลของกระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP
Model ที่มีต่อคุณภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ของ
ครูโรงเรียนวัดเทพชุมนุม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา
เขต 2
ผู้ศึกษา นางกัญญา ภคสันต์
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเทพชุมนุม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต ๒
ปีที่รายงาน ปีการศึกษา 2563
บทสรุป
การศึกษาผลของกระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP Model ที่มีต่อคุณภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ของครูโรงเรียนวัดเทพชุมนุม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลาเขต 2 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาผลการใช้กระบวนการนิเทศภายในแบบWe (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP Model ที่มีต่อคุณภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ของครูโรงเรียนวัดเทพชุมนุม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 2 ดังนี้
1.1 เปรียบเทียบคุณภาพการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) กับเกณฑ์ที่กำหนด
1.2 เปรียบเทียบคุณภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) กับเกณฑ์ที่กำหนด 1.3 เปรียบเทียบคุณภาพการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) กับเกณฑ์ที่กำหนด
1.4 เปรียบเทียบคุณภาพการวัดประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) กับเกณฑ์ที่กำหนด
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) 3. ความพึงพอใจของครูที่มีต่อการนิเทศโดยใช้กระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP Model นิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning ) 4. ความพึงพอใจ ของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) กลุ่มตัวอย่างคือ ครูโรงเรียนวัดเทพชุมนุมที่สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 ปีการศึกษา 2563 เฉพาะที่สอน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้หลัก จำนวน 21 คน และนักเรียนที่เป็นประชากร จำนวน 499 คน โดยใช้เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ 1) กระบวนการนิเทศแบบ We (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP Model
2) เอกสารประกอบการนิเทศ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) 3) แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) 4) แบบประเมินการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) 5) แบบประเมินการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ 6) แบบประเมินการวัดประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active learning)
7) แบบเก็บข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 8) แบบสอบถามความพึงพอใจของครูที่มีต่อการใช้กระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP Model 9) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ของครูโรงเรียนวัดเทพชุมนุม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. คุณภาพการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) อยู่ในระดับดีเยี่ยม และสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ ระดับดี ครูที่ได้รับการนิเทศโดยใช้กระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง)WATTEP Model สามารถเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) อยู่ในระดับดี( = 2.51, S.D. = 3.50) ผลการศึกษาพบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับดีเยี่ยม ( = 4.87, S.D. = 0.23) สูงกว่าเกณฑ์ระดับดีที่กำหนดไว้ เมื่อพิจารณาแต่ละรายการพบว่าที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม คือหน่วยการเรียนรู้มีความสมบูรณ์ เหมาะสม มีรายละเอียดที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน กำหนดหน่วยการเรียนรู้ที่กำหนดมีองค์ประกอบครบถ้วน เขียนสาระสำคัญได้ถูกต้อง จุดประสงค์การเรียนรู้ชัดเจน ครอบคลุมเนื้อหาสาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้สอดแทรกคุณธรรมและค่านิยมที่ดีงาม มีความหลากหลายเน้นให้นักเรียนเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงนำไปสู่การสร้างชิ้นงาน ภาระงาน สื่อและแหล่งเรียนรู้เหมาะสมกับเนื้อหาสาระการเรียนรู้และจุดประสงค์การเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้การกำหนดเกณฑ์การประเมินสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ และมีการวัดประเมินผลตามสภาพจริง
2. คุณภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) อยู่ในระดับดีเยี่ยม และสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ ระดับดี ครูที่ได้รับการนิเทศโดยใช้กระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง)WATTEP Model สามารถจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active leaning) อยู่ในระดับดี ( = 2.51 3.50) ผลการศึกษาพบว่าโดยภาพรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับดีเยี่ยม ( = 4.66, S.D. = 0.38) สูงกว่าเกณฑ์ระดับดีที่กำหนดไว้ เมื่อพิจารณาแต่ละรายการประเมินพบว่า อยู่ในระดับดีเยี่ยมและดีมากที่มีค่าเฉลี่ยระดับดีเยี่ยม (ค่าเฉลี่ย 5.00) คือ ครูออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ที่ส่งเสริมด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ครูเสริมแรงให้นักเรียนกระตือรือร้นในการเรียน ครูใจกว้างยอมรับความสามารถความคิดเห็น ความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียน นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันจากการทำงาน กลุ่ม งานคู่ การซักถาม ตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน นักเรียนได้ฝึกทักษะการสื่อสาร การอธิบาย ซักถาม ตอบคำถามและอภิปรายเกี่ยวกับเนื้อหาในบทเรียน
3. คุณภาพการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) อยู่ในระดับดีเยี่ยม และสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ ระดับดี ครูได้รับการนิเทศโดยใช้กระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP Model สามารถใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) อยู่ในระดับดี ( = 2.51, S.D. = 0.50) ผลการศึกษาพบว่า ภาพรวมโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับดีเยี่ยม ( = 4.66, S.D. = 0.38) เมื่อพิจารณาแต่ละรายการที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม คือ สื่อและแหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับตัวชี้วัด / จุดประสงค์การเรียนรู้ สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ในเนื้อหาที่เรียน ช่วยให้ผลการเรียนรู้ของนักเรียนมีคุณภาพสูงขึ้น ส่งเสริมการเรียนรู้ให้มีความสุข สนุกกับการเรียน ส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
4. คุณภาพการวัดประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) อยู่ในระดับดีเยี่ยม และสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ ระดับดี ครูที่ได้รับการนิเทศโดยใช้กระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP Model สามารถวัดประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) อยู่ในระดับดี ( = 2.51, S.D. = 3.50) ผลการศึกษาครั้งนี้ พบว่าภาพรวมโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับดีเยี่ยม ( = 4.54, S.D. = 0.53) เมื่อพิจารณารายการที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม คือ การวัดประเมินผลการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ กำหนดเกณฑ์การวัดประเมินผลไว้อย่างชัดเจน วิธีวัดประเมินผลหลากหลายเหมาะสมกับบทเรียน มีการประเมินแบบอิงเกณฑ์ นำ
ผลมาวัดเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานเพื่อทราบจุดเด่นจุดด้อยที่ควรพัฒนา มีการประเมินแบบพัฒนาการนำผลมาเปรียบเทียบก่อนระหว่างและหลังการปฏิบัติ
5. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ใน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้หลักคือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) บรรลุค่าเป้าหมายหลักระดับดี (ร้อยละ 70 79) ทุกชั้น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) อยู่ในระดับดี ผลการศึกษาพบว่า ภาพรวมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6 ที่เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) อยู่ในระดับดี (ร้อยละ 74.59) และอยู่ในระดับดีทุกชั้นทุกกลุ่มสาระ (ร้อยละ 71.46 78.95) เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
6. ความพึงพอใจของครูที่มีต่อการนิเทศโดยใช้กระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง)WATTEP Model อยู่ในระดับมากที่สุด ความพึงพอใจของครูโรงเรียนวัดเทพชุมนุมที่มีต่อการใช้กระบวนการนิเทศภายในแบบ We (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP Model อยู่ในระดับมาก ผลการศึกษาพบว่า ภาพรวมเฉลี่ยความพึงพอใจของครูอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน การที่ครูผู้รับการนิเทศมีความพึงพอใจมากที่สุด ทุกด้าน เพราะกระบวนการนิเทศแบบ We (เราเป็นหนึ่ง) WATTEP Model เป็นกระบวนการปฏิบัติที่ชัดเจน ได้รับการประเมินความสอดคล้อง (IOC = 0.88) และมีค่าเฉลี่ย ความเหมาะสมเท่ากับ 4.76 อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด นอกจากกระบวนการนิเทศภายในแล้ว ผู้นิเทศได้จัดทำสื่อซึ่งเป็นเอกสารประกอบการนิเทศจำนวน 5 เล่ม ให้ครูผู้รับการนิเทศได้ศึกษา คือ เล่ม 1 แนวคิดทฤษฎีที่ควรรู้ เล่ม 2 แผนการนิเทศสู่ครูผู้สอน เล่ม 3 กิจกรรมการเรียนรู้ดีมีขั้นตอน เล่ม 4 สื่อนวัตกรรมการสอนแหล่งพัฒนา เล่ม 5 วัดประเมินค้นหาคุณภาพผู้เรียน
7. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ของครูอยู่ในระดับมากที่สุด
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะจากการศึกษาในครั้งนี้
ในการเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบ Active learning ครั้งนี้ได้ข้อค้นพบที่เป็น
ประเด็นในการเสนอแนะ ดังนี้
1.1 ก่อนการนำกระบวนหรือรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Active learning ไปใช้
ควรมีการสำรวจความพร้อมของระบบสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ตลอดจนระบบ
เครือข่ายอินเตอร์เน็ตของสถานศึกษา ของครูผู้สอน และของนักเรียนให้มีความพร้อมสำหรับ
การดำเนินการจัดการเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
1.2 การนิเทศติดตามเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยครูผู้สอนได้มองเห็นจุดที่ควรปรับปรุงพัฒนา
จึงควรมีการติดตามมากกว่าหนึ่งครั้ง
1.3 การจัดการเรียนรู้แบบ Active learning) เป็นการจัดการเรียนรู้แบบหนึ่งที่สามารถ
ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นครูผู้สอนควรจัดการเวลาสำหรับผู้เรียนนอกเวลาเรียนด้วย จะช่วยให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ต่อไป
2. ข้อเสนอแนะสำหรับการศึกษาต่อไป
2.1 การศึกษารูปแบบการพัฒนาครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีผลการเรียนของนักเรียนใน
ระดับที่ต้องปรับปรุงโดยใช้กระบวนการชี้แนะและการเป็นพี่เลี้ยง (Coaching and Mentoring)
2.2 ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนแบบ Active
Leaning กับวิธีการปฏิบัติ
2.3 ควรมีการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้แบบ Active
Learning เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป