เทคนิคการประเมินเพื่อการเรียนรู้ในชั้นเรียน
การประเมินระหว่างเรียน (Formative Assessment) นั้น ผู้สอนสามารถนำเทคนิควิธีมาใช้
เช่น การสังเกต การอภิปราย การสัมภาษณ์ การบันทึกเหตุการณ์ การใช้แบบตรวจสอบรายการ ซึ่งเทคนิควิธีการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้สอนสามารถพัฒนาขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยใช้หลักที่ว่าเทคนิควิธีการใดที่จะช่วยทำให้ผู้สอนได้เข้าใจถึงกระบวนการการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ชัดเจน ก็เป็นเทคนิควิธีการที่ผู้สอนควรเลือกใช้ เพราะจะทำให้ผู้สอน เกิดการเรียนรู้ที่จะพัฒนาผู้เรียนได้ตามวัตถุประสงค์หรือมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ ทั้งนี้เทคนิคประเมินเพื่อการเรียนรู้ที่สำคัญ พบว่าถูกนำมาใช้มากกับ การจัดการเรียนรู้ของผู้สอน ดังนี้
เทคนิคที่ 1: การใช้ข้อตกลงระหว่างผู้สอนและผู้เรียน (Learning Contract) เป็นข้อตกลง
ร่วมกันระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนในคาบแรกและในช่วงเวลาของการจัดการเรียนรู้ว่าจะเรียนอะไรและจะใช้การประเมินอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียนโดยเป็นวิธีการที่ยืดหยุ่นและสามารถมีการต่อรองกันได้ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน โดยยึดเป้าหมายของการเรียนเป็นสำคัญสิ่งที่ควรบันทึกไว้ในข้อตกลง ได้แก่ วัตถุประสงค์ในการเรียนเกณฑ์การประเมินหนังสือ / ตำราเรียน / เอกสารที่ใช้ในการเรียนรู้ ระยะเวลาและการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณะอักษร
เทคนิคที่ 2 : การสังเกต (Observation) เป็นการประเมินที่ผู้สอนได้บันทึกหรือเขียนบรรยาย
บรรยายถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยมีข้อมูลที่เก็บรวบรวม 2 ประเภท คือ (1) แนวทางเชิงปริมาณ คือ การสังเกตพฤติกรรมในห้องเรียนอย่างเป็นระบบโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมที่มีการกำหนดประเด็นในการสังเกตพฤติกรรม ในห้องเรียนไว้ล่วงหน้าก่อนการสังเกตพฤติกรรม และ (2) แนวทางเชิง
คุณภาพ คือ การสังเกตพฤติกรรมในห้องเรียนที่เน้นการบรรยายเหตุการณ์และบริบททางสังคมในห้องเรียน การสังเกตทั้ง 2 ประเภทนี้ เป็นแนวทางในการประเมินที่มีประสิทธิภาพและผู้สอนสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ได้ วิธีการให้คะแนนมีหลายประเภทที่สัมพันธ์กับกลวิธีการประเมิน ได้แก่ แบบตรวจสอบรายการ (checklist) มาตรวัดประมาณค่า (ratting scale) ซึ่งการใช้กลวิธีเหล่านี้จะทำให้ได้ข้อมูลที่ได้จากการสังเกต มีความเป็นระบบมากขึ้น
เทคนิคที่ 3 : การตั้งคำถาม (Questioning) ใช้โดยทั่วไปในห้องเรียนซึ่งนักทฤษฎีได้แบ่ง
คำถามออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ คำถามขั้นต้น คือ คำถามที่ครูตั้งขึ้นเพื่อถามความรู้ที่ผู้เรียนได้เรียนผ่านมาแล้ว คำถามขั้นสูง คือ คำถามที่ครูต้องการให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์เพื่อตอบคำถาม ซึ่งในการตอบคำถามนั้นผู้เรียนต้องสามารถสร้างแนวคิดจากข้อมูลที่ได้จากการเรียนรู้ ประโยชน์ของการใช้คำถาม ในห้องเรียนโดยครู คือ คำถามจะช่วยกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนและทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นในการหาคำตอบทำให้ผู้เรียนให้ความสนใจในสิ่งที่ครูพูดและ มีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้น สำหรับการถามคำถาม ในระดับสูงจะต้องการกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดและขยายความรู้ความเข้าใจผู้เรียนได้คิดและเรียบเรียงคำตอบของผู้เรียนบางครั้งครูสามารถให้ผู้เรียนมารวมเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก่อนตอบคำถามหรือ ครูช่วยให้แนวทางในลักษณะของการเสริมต่อความรู้ให้กับผู้เรียน
เทคนิคที่ 4 : การประเมินตนเองและการประเมินโดยเพื่อน (Self and Peer Assessment)
เป็นการประเมินที่สามารถนำไปใช้ร่วมกับการประเมินโดยผู้สอน ผู้เรียนจะเป็นผู้สะท้อนว่าตนเองได้อะไรจากการเรียน มีสิ่งใดที่ควรพัฒนาต่อไป ทำให้ผู้เรียนสามารถตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเองและพัฒนาความสามารถในการตัดสินและประเมินงานของตนเองและเพื่อนรวมไปถึงการได้รู้จุดเด่น จุดด้อยในการทำงาน และนำจุดด้อยของตนเองมาพัฒนาในการเรียนรู้ได้ต่อไป ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิดความภูมิใจในตนเอง (Self Esteem) ยอมรับที่จะพัฒนาตน
เทคนิคที่ 5 : การบันทึกการเรียนรู้ (Learning Journal) ผู้เรียนนำความรู้ความคิดที่ได้
จากการทำใบงานแบบฝึกหัด มาเขียนสะท้อนคิดแบบไม่มีโครงสร้างและเป็นการเขียนสะท้อนคิดจากการเรียนรู้ของแต่ละคน ทำให้ผู้สอนรู้ถึงความคิด ความรู้สึกของผู้เรียนซึ่งมีวิธีการเขียนหลายรูปแบบเช่น การจดบันทึก คือ ผู้เรียนบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน การเขียนบันทึกประจำวัน คือ ผู้เรียนเขียนบันทึกความรู้สึกที่เกิดจากการเรียนในห้องเรียน และการเขียนสะท้อนคิด คือ ผู้เรียนเขียนแสดงความรู้ที่ได้จากการบันทึกการเรียนรู้ว่า เรียนรู้อะไร เรียนรู้อย่างไร และเรียนรู้ที่จะนำไปใช้อย่างไร ซึ่งประโยชน์ของวิธีการใช้การบันทึกการเรียนรู้ (Learning Journal) คือผู้เรียนสามารถติดตามพัฒนาการของตนเองสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมกับองค์ความรู้ใหม่ที่มีประโยชน์ต่อการเรียนการวิเคราะห์การเรียนรู้จากการตั้งคำถาม ของตนเองและการหาคำตอบจากคำถามเหล่านั้น
เทคนิคที่ 6 : การให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) ในการให้ผลการประเมินย้อนกลับสู่ผู้เรียนก่อให้เกิดผลดีต่อการพัฒนาหรืออาจเกิดผลกระทบต่อการพัฒนาได้เช่นกัน ผู้ประเมินควรต้องศึกษารูปแบบการให้ผลการประเมินย้อนกลับสู่ผู้เรียนเพื่อประสิทธิภาพของการพัฒนา
การให้ข้อมูลย้อนกลับมี 3 รูปแบบ (1) การให้ข้อมูลย้อนกลับโดยสร้างแรงจูงใจ
(Motivational feedback) เป็นการสร้างแรงจูงใจเชิงบวก เช่น การให้คำชม การให้รางวัล การให้เกรดที่ดี การให้คำแนะนำเชิงบวก (2) การให้ผลการประเมิน (Evaluative feedback) โดยการให้เกรด หรือคะแนน ในการทำงานที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้ผู้เรียนได้รู้การทำงานของตนเองในปัจจุบันเพื่อการปรับปรุง (3) การให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นข้อเรียนรู้ (Learning feedback) ซึ่งรูปแบบนี้ผู้เรียนจะรู้วิธีการปรับปรุงการเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมาย โดยครูให้คำแนะนำ วิธีการให้ผู้เรียนสามารถปรับปรุงงานให้ดีขึ้น รวมทั้งกระตุ้นให้ผู้เรียนกระตือรือรันในการเรียนโดยผ่านการคิดและการตัดสินใจในคำแนะนำเหล่านั้น
การเลือกใช้เทคนิคการประเมินเพื่อการเรียนรู้นั้นสำคัญยิ่งที่ผู้สอนเข้าใจเทคนิคต่าง ๆ เพื่อการนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพให้ผลของการประเมินการเรียนรู้ที่ชัดเจน เกิดการยอมรับนำไปพัฒนาต่อทั้งผู้สอน ซึ่งสามารถนำไปปรับการจัดการเรียนรู้ และผู้เรียนนำไปพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองเพื่อให้ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ในรายวิชาเพื่อการต่อยอดต่อไป (อุไร ซิรัมย์ พรทิพย์ ไชยโส พิกุล เอกวรางกูร และทรงชัย อักษรคิด, 2561 : 193 205)