แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นการเตรียมวางแผนการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ โดยนำสาระการเรียนรู้แกนกลาง มาตรฐานการเรียนรู้ คำอธิบายรายวิชากระบวนการเรียนรู้ ซึ่งเขียนเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ให้ครอบคลุมสี่เสาหลักของการศึกษา (Four Pillars of Education) ดังได้กล่าวไว้ในส่วนที่ 2 ให้สามารถพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนตรงตามระดับชั้นเรียน และพัฒนาการและ
ความสามารถของผู้เรียน ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหากิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ / แหล่งเรียนรู้ และวิธีวัดประเมินผลที่ชัดเจน โดยมีองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ที่สำคัญแยกเป็น 2 ส่วนได้แก่
1. ส่วนหัว ของแผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ที่..............
สาระการเรียนรู้........รหัสวิชา...................ชั้น..............ภาคเรียน...................หน่วยการเรียนรู้..............
เรื่อง.................................จำนวนชั่วโมง..........................วันที่..............เดือน.........................พ.ศ...........เวลา.......................ดังตัวอย่าง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6
สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหัสวิชา ท14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ อ่านดู จึงรู้เรื่อง
เรื่อง เรื่องสั้นบันดาลใจ เวลา 1 ชั่วโมง
สอนวันที่ 15 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 2 ชั่วโมง
2. ส่วนที่ 2 รายการสำคัญที่ต้องระบุในแผนการจัดการเรียนรู้
2.1 มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด ที่เป็นเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ สำหรับแผนการเรียนรู้นั้น ๆ
2.2 สาระสำคัญ (ความคิดรวบยอดหรือมโนมติของบทเรียน) หมายถึง สาระสำคัญของ
เนื้อหา ประสบการณ์ที่ต้องการให้เกิดกับนักเรียนหลังจากนักเรียนได้รับการปลูกฝังด้วยเทคนิควิธีการจากครู และการมีส่วนร่วมในกิจกรรม รวมทั้งทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดขอบเขตเนื้อหา ความรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละครั้ง ควรเขียนเป็นประโยคข้อความสั้น ๆ
2.3 จุดประสงค์การเรียนรู้ แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
2.3.1 จุดประสงค์ปลายทาง เป็นจุดประสงค์การเรียนรู้ที่สะท้อนผลรวมทั้งหมด
ที่มุ่งหวัง จุดเน้นเด่น ๆ ของเนื้อหาวิชาและพฤติกรรมสำคัญของวิชานั้น ๆ วิธีเขียนให้ยืด สาระการเรียนรู้เป็นหลัก และนำกรอบพฤติกรรมบ่งชี้มาวิเคราะห์ให้สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้และมาตรฐานการเรียนรู้
2.3.2 จุดประสงค์นำทาง เป็นความคาดหวังที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ระหว่างการเยน
ในแต่ละครั้ง ดังนั้นครูผู้สอนควรวางวัตถุประสงค์ย่อย ๆ หรือพฤติกรรมย่อย ที่ควรเกิดขึ้นในระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่จุดหมายปลายทางได้
2.4 สาระการเรียนรู้ หมายถึง ประมวลสาระแห่งองค์ความรู้หรือสาระการเรียนรู้ที่
ปรากฏอยู่ในขอบข่ายของเรื่องที่กำหนดให้เรียน สามารถเขียนโดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นตัวกำหนดได้ เช่น
2.4.1 ด้านความรู้ ได้แก่ สาระความรู้ที่กำหนดให้ผู้เรียนได้เรียน
2.4.2 ด้านทักษะกระบวนการ หมายถึง ทักษะที่เกี่ยวข้องกับสาระการเรียนรู้
ทักษะการทำงาน ทักษะการทำงาน ทักษะการเรียนรู้ที่ต้องการให้ผู้เรียนได้ฝึก
2.4.3 ด้านเจตคติ คุณค่า หมายถึง อารมณ์ความรู้สึก การเห็นประโยชน์คุณค่า
ของเรื่องที่เรียน
2.5 กิจกรรมการเรียนรู้ / กระบวนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง วิธีการสอน รูปแบบ
การสอนแบบต่าง ๆ ที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ หรือเป็นขั้นตอนและวิธีการของการกระทำกิจกรรม ต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการเรียนรู้ที่สามารถให้นักเรียนได้แสดงออกทั้งด้านการปฏิบัติด้วย การใช้ความคิด พูด และการะทำ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ในขณะที่เรียน
กิจกรรมการเรียนรู้ เป็นจัดการเรียนการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง หลักของการนำกิจกรรมการเรียนการสอนมาทำแผนการจัดการเรียนรู้คือ ยึดหลักนักเรียนเป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนมากที่สุด ดังนั้นผู้สอนจึงควรทราบหลักการและขั้นตอนในการจัดกิจกรรม ดังนี้
2.5.1 หลักในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1) เป็นกิจกรรมที่พัฒนานักเรียนไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด
ชั้นปีที่กำหนดไว้ในหน่วยการเรียนรู้
2) นำไปสู่การเกิดหลักฐานการเรียนรู้ ชิ้นงานหรือภาระงานที่แสดงถึง
การบรรลุมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปีของนักเรียน
3) นักเรียนมีส่วนร่วมในการออกแบบและจัดกิจกรรมการเรียนรู้
4) เป็นกิจกรรมที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ
5) มีความหลากหลายและเหมาะสมกับนักเรียนและเนื้อหาสาระ
6) สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์
7) ช่วยให้นักเรียนเข้าสู่แหล่งการเรียนรู้และเครือข่ายการเรียนรู้ที่
หลากหลาย
8) เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง
2.5.2 ขั้นตอนในการจัดกิจกรรม
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีศักยภาพ ตามมาตรฐาน
การเรียนรู้ / ตัวชี้วัดที่กำหนด เป้าหมายการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ไว้แล้วนั้น ครูผู้สอนต้องคิดทบทวนย้อนกลับว่า มีกระบวนการ หรือขั้นตอนกิจกรรม ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างไร จึงจะทำให้ผู้เรียนมีขั้นตอนการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ ความสามารถต่าง ๆ รวมถึงคุณลักษณะที่พึงประสงค์ จนบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้และเกิดหลักฐานของการเรียนรู้ที่กำหนด
ความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง อันเป็นผลมาจากการสร้างความรู้ของผู้เรียนด้วย
การทำความเข้าใจหรือแปลความหมายในสิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้ทั้งหมดทุกแง่ทุกมุมตลอดแนว ด้วยวิธีการถามคำถามการแสดงออก และการสะท้อนผลงาน ซึ่งสามารถใช้ตัวชี้วัดดังต่อไปนี้ใน การตรวจสอบว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จนกลายเป็นความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งแล้วหรือไม่ ความเข้าใจ 6 ด้าน ได้แก่
1) ผู้เรียนสามารถอธิบาย (Can explain) เรื่องราวต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง
มีหลักการ โดยแสดงให้เห็นถึงการใช้เหตุผล ข้อมูล ข้อเท็จจริง ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือประกอบในการอ้างอิงเชื่อมโยงกับประเด็นปัญหา สามารถคาดการณ์ไปสู่อนาคต
2) ผู้เรียนสามารถแปลความหมาย (Can interpret) เรื่องราวต่าง ๆ ได้
อย่างมีความหมายทะลุปรุโปร่ง ตรงประเด็น กระจ่างชัด โดยอาจใช้แนวคิด ทฤษฎี เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ หรือมุมมองของตนเองประกอบการตีความและสะท้อนความคิดเห็น
3) ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ ความรู้ (Can apply) ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ สร้างสรรค์เหมาะสมกับสถานการณ์ คล่องแคล่ว ยืดหยุ่น และสง่างาม
4) ผู้เรียนสามารถมองจากมุมมองที่หลากหลาย มองเห็น รับรู้ประเด็น
ความคิดต่าง ๆ (Have perspective) และตัดสินใจที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ โดยผ่านขั้นตอนการวิพากษ์
วิจารณ์ และมุมมองในภาพกว้างโดยมีแนวคิด ทฤษฎี ข้อมูล ข้อเท็จจริงสนับสนุนการรับรู้นั้น ๆ
5) ผู้เรียนสามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น บอกคุณค่าในสิ่งต่าง ๆ ที่คน
อื่นมองไม่เห็น (Can empathize) หรือคิดว่ายากที่จะเชื่อถือได้ ด้วยการพิสูจน์สมมติฐานเพื่อทำให้ข้อเท็จจริงนั้น ๆ ปรากฏ มีความละเอียดอ่อนที่จะซึมซับ รับทราบความรู้สึกนึกคิดของผู้เกี่ยวข้อง
6) ผู้เรียนรู้จักตนเอง มีความตระหนักรู้ถึงความสามารถทางด้านสติปัญญา
วิถีชีวิต นิสัยใจคอ ความเป็นตัวตนของตนเอง (Have self-knowledge) ซึ่งคือเบ้าหลอมความเข้าใจ ความหยั่งรู้ในเรื่องราวต่าง ๆ มีความตระหนักว่า มีสิ่งใดอีกที่ยังไม่เข้าใจ และสามารถสะท้อน ความหมายของสิ่งที่ได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ ปรับตัวได้ รู้จักใคร่ครวญ และมีความเฉลียวฉลาด
ครูผู้สอนสามารถใช้ตัวชี้วัดความรู้ความเข้าใจคงทน ทั้ง 6 ตัวชี้วัดนี้ เป็นเครื่องมือในการกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้และวิธีการวัดประเมินผลเรียนรู้ว่า ผู้เรียนบรรลุผลการเรียนรู้ตรงตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด และเป้าหมายหลักของการจัดการเรียนรู้หรือไม่
2.5.3 หลักการจัดประสบการณ์หรือกิจกรรมการเรียนรู้ มีดังนี้
1) เลือกกิจกรรมที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนรู้
สอดคล้องเชื่อมโยงกับมาตรฐานหรือตัวชี้วัด หากเป็นทักษะ ควรเป็นทักษะที่ปฏิบัติแล้วผู้เรียนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ตามวัตถุประสงค์
2) เลือกกิจกรรมที่ผู้เรียนพึงพอใจ สนุก น่าสนใจ ไม่ซ้ำซาก มีประโยชน์ต่อ
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และทำให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียน
3) เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับความสามารถด้านร่างกายของผู้เรียนที่จะ
ปฏิบัติได้และควรคำนึงถึงประสบการณ์เดิม เพื่อจัดกิจกรรมใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
4) เลือกกิจกรรมที่ส่งเสริมจุดมุ่งหมายในการจัดการเรียนรู้หลาย ๆ ด้าน
5) เลือกกิจกรรมให้หลากหลาย คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
เหมาะสมกับวัยความสามารถและความสนใจของผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้ใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้มากที่สุด
6) ใช้สื่อ / แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและเหมาะสม
7) ใช้เทคนิควิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย ส่งเสริมกระบวนการคิดและทักษะ
ต่าง ๆ
8) ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมและการประเมินผล มีการวัดและ
ประเมินผลที่หลากหลายและสอดคล้องกับกิจกรรม
2.5.4 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นการใช้กระบวนการ
ปฏิบัติต่าง ๆ ของผู้เรียนที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
1) วิธีการ / กิจกรรมการเรียนรู้ ครูหรือผู้เกี่ยวข้องนำมาใช้เพื่อให้ผู้เรียนได้
เรียนรู้ตามเป้าหมายมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด วัตถุประสงค์การเรียนรู้ย่อยของตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรสถานศึกษา โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญของการจัดการเรียนรู้ คือ กิจกรรมการเรียนรู้ที่มีผลต่อผู้เรียน ในการกระตุ้นความสนใจ สนุกสนาน ตื่นตัวในการเรียน มีการเคลื่อนไหว เปิดโอกาสให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ ปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตย เป็นกิจกรรมในการเรียนรู้ที่ครูออกแบบการสอนตามลักษณะของตัวชี้วัดว่าเป็นด้านความรู้ ทักษะ / กระบวนการปฏิบัติ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยเน้นการลงมือปฏิบัติ การอ่าน ฟัง คิด ถาม เขียน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนำเสนอผลงานการศึกษาค้นคว้าของนักเรียน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของตัวชี้วัดเป็นสำคัญ
2) กระบวนการเรียนรู้ มีการส่งเสริมทักษะกระบวนการสอนรูปแบบต่าง ๆ
อย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนการสอนเฉพาะแบบตามที่ครูเลือกใช้ ซึ่งการเลือกกระบวนการสอนในศตวรรษ 21 มีหลากหลายที่นิยมสอนในปัจจุบัน ตามหลักการจัดการเรียนรู้ และเทคนิคการสอน ดังนี้
(1) หลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เช่น
- การจัดการเรียนรู้แบบรู้จริง (Mastery Learning)
- การจัดการเรียนรู้แบบเน้นมโนทัศน์ (Concept Based
Instruction)
- การจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Learning)
- การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based
Instruction)
- การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project Based
Instruction)
- การจัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการคิด (Thinking Based
Instruction)
- การจัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process
Based Instruction)
- การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ (Integration Teaching)
(2) หลักการจัดการเรียนรู้ที่เป็นสากล
- รูปแบบการการจัดการเรียนรู้ โดยใช้บทบาทสมมติ (Role Playing Model)
- รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการคิดสร้างสรรค์
(Synectics Instruction Model)
- รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหา
(Problem Solving)
- รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยสร้างเรื่อง (Storyline Model)
- รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามวัฏจักรการเรียนรู้ที่ 4 Mat
- รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Instructional Models of Coorperative Learning) (ทิศนา แขมมณี : 2551 : 119 144)
(3) เทคนิคการสอน ยกตัวอย่าง เช่น
- Active reading ให้นักเรียนอ่านบทความ / บทอ่านแล้ว
แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนเกี่ยวกับสิ่งที่อ่าน สรุปสิ่งที่อ่าน
เป็นผังมโนทัศน์ (Concept Map)
- Brain storming ระดมความคิด มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1) กำหนดหัวข้อและเวลา 2) แบ่งกลุ่มผู้เรียน กลุ่มละ 45 คน
3) ร่วมกันอภิปรายเพื่อหาข้อสรุปของกลุ่ม และบันทึกแนวคิด
ของทุกคนในกลุ่ม 4) นำเสนอข้อสรุปของกลุ่ม
- Agree & Disagree statement มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1) ผู้สอนตั้งคำถามให้ผู้เรียนตอบ อาจใช้สัญลักษณ์แสดง
คำตอบ เช่น กระดาษสีแดง: ไม่เห็นด้วย กระดาษสีน้ำเงิน: เห็น
ด้วย 2) เมื่อนักเรียนยกสัญลักษณ์แล้ว ผู้สอนให้นักเรียนเข้า
กลุ่มที่เหมือนกัน 3) นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยน
เกี่ยวกับเหตุผลที่เลือกเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย 4) ตัวแทนกลุ่ม
ออกมานำเสนอ
- Carousel กลวิธีม้าหมุน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1) นักเรียนแสดง
ความคิดเห็นต่อประเด็นหรือหัวข้อที่นักเรียนแต่ละกลุ่มได้รับไป
2) เขียนบนกระดาษติดไว้บันผนังห้อง แล้วให้นักเรียนกลุ่มอื่น ๆ
เวียนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 3) หลังจากนั้นเจ้าของกลุ่ม
กลับไปพิจารณาความคิดของกลุ่มและที่เพื่อนมาเพิ่มเติมเพื่อ
อภิปราย สรุปความคิดเห็นของกลุ่ม และนำเสนอต่อชั้นเรียน
4) ครูนำอภิปรายเพิ่มเติมเหมาะสำหรับการฝากทักษะ
การศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ทักษะการลงความคิดเห็นจาก
ข้อมูลการแสดงออกและการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น
- Gallery Walk เดินชมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นกลวิธีที่ให้ผู้เรียน
นำเสนอผลงานของกลุ่มในการศึกษาเรื่องเดียวกัน ภายหลังจบ
บทเรียน ให้กลุ่มอื่นมาชมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงาน แสดง
ความคิดเห็นอภิปรายภายในกลุ่ม มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1)
กำหนดหัวข้อเรื่อง เขียนแนวคิดวิธีการ ลงบนกระดาษโปสเตอร์
แล้วติดไว้รอบ ๆ ห้อง เพื่อให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างการเดิน
ชมผลงาน 2) อาจมอบหมายให้ทำเป็นกลุ่ม 3) ขั้นตอนนำเสนอ
ให้มีตัวแทนกลุ่ม 1 คน ประจำอยู่ที่ผลงานกลุ่มติดอยู่ เพื่อให้
ข้อมูลกับผู้ที่มาเยี่ยมชมผลงาน
- Jigsaw มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1) ผู้สอนเลือกเนื้อหาที่แบ่งเป็น
3 4 ชิ้น 2) แบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มเท่า ๆ กันกับเนื้อหา
3) (Home group) สมาชิกแต่ละคนเลือกเนื้อหาที่ตนสนใจแล้ว
ไปร่วมกับสมาชิกจากกลุ่มอื่น (Expert group) เพื่อศึกษา หา
ความเข้าใจหรือหาคำตอบร่วมกันในกลุ่ม จากนั้นกลับไปสอนที่
กลุ่มเดิมของตนจนครบถ้วน
- Think Pair Share คิดเดี่ยว คิดคู่ แลกเปลี่ยน
เรียนรู้ โดยผู้สอนตั้งปัญหา ให้ผู้เรียนคิดหาคำตอบด้วยตนเอง
ก่อน 4 5 นาที แล้วจับคู่กับเพื่อน อภิปรายแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็น สุดท้ายให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันทั้งชั้นเรียน
- Chain Note มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1) ผู้สอนเตรียมคำถาม /
ข้อความที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ต้องการไว้ โดยอาจพิมพ์ลงบน
กระดาษ A4 2) ผู้เรียนแต่ละคนตอบคำถามหรือข้อความนั้น ๆ
เพียง 1 2 ประโยค 3) ส่งต่อกระดาษแผ่นนั้นให้เพื่อนที่นั่ง
ถัดไปเพื่อช่วยตอบคำถามนั้นให้สมบูรณ์ สามารถใช้ก่อนเรียน
หรือหลังเรียนได้ 4) ส่งกระดาษแผ่นนั้นกลับในทิศทางเดิม
เพื่อให้ผู้ที่เขียนก่อนได้อ่านความเห็นทั้งหมดด้วย
- Student Reflection เป็นการให้ผู้เรียนได้สะท้อนความคิด
อาจจะให้ผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในคาบเรียน เสนอแนะ
เกี่ยวกับการเรียน ถามคำถามที่ยังสงสัย หรือให้ผู้เรียนเพิ่มเติม
เกี่ยวกับสิ่งที่เรียน เช่น - Know Want Learned เมื่อ
เริ่มต้นบทเรียนให้ผู้เรียนเขียนสิ่งที่รู้และสิ่งที่อยากรู้เกี่ยวกับ
เนื้อหาที่จะเรียนเมื่อจบบทเรียน ให้ผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้
Got Need และ Exit Ticket เมื่อจบบทเรียน ให้ผู้เรียน
เขียนสิ่งที่เรียนรู้ อาจเป็นการสรุปร่วมกันหน้าชั้นเรียน และ
วางแผนกิจกรรมการเรียนจากสิ่งที่อยากรู้เพิ่มเติม
Diary/Journal Note เขียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ คำถามที่ยังสงสัย
- One-minute paper ผู้เรียนเขียนสิ่งที่กำหนดให้ลงใน
กระดาษ โดยกำหนดเวลาให้ 1 นาที อาจปรับใช้สำหรับขั้น
นำเข้าสู่บทเรียน เพื่อเป็นการตรวจสอบความรู้เดิมของผู้เรียน
หรือขั้นสรุป สำหรับให้ผู้เรียนสรุปความรู้จากการเรียน
- Round robin เป็นเทคนิคที่เปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มผลัด
กันพูดตอบ อธิบายซึ่งเป็นการพูดที่ผลัดกันทีละคนตามเวลาที่
กำหนดจนครบทุกคน (อาจเป็นกลุ่มใหญ่หรือกลุ่มย่อย)
- Round table เป็นเทคนิคที่เหมือนกับการพูดรอบวง แตกต่าง
กันที่เน้นการเขียนแทนการพูดเมื่อครูถามปัญหาหรือให้นักเรียน
แสดงความคิดเห็น นักเรียนจะผลัดกันเขียนลงในกระดาษที่
เตรียมไว้ทีละคนตามเวลาที่กำหนด
- Line ups เป็นเทคนิคง่าย ๆ โดยให้นักเรียนยืนแถว
เรียงลำดับ ภาพ คำ หรือสิ่งที่ครูกำหนดให้เช่น ครูให้ภาพต่าง ๆ
แก่นักเรียน แล้วให้นักเรียนยืนเรียงลำดับภาพขั้นตอนของวงจร
ชีวิตของแมลง ห่วงโซ่อาหาร เป็นต้น
- Inside-outside circle เป็นเทคนิคที่ให้นักเรียนนั่งหรือยืน
เป็นวงกลมซ้อนกัน 2 วง จำนวนเท่ากัน วงในหันหน้าออก
วงนอกหันหน้าเข้า นักเรียนที่อยู่ตรงกันจับคู่กันเพื่อสัมภาษณ์ซึ่ง
กันและกัน หรืออภิปรายปัญหาร่วมกัน จากนั้นจะหมุนเวียน
เพื่อเปลี่ยนคู่ใหม่ไปเรื่อย ๆ ไม่ซํ้าคู่กัน โดยนักเรียนวงนอก และ
วงในเคลื่อนไปในทิศทางตรงข้ามกัน
- Gallery of Learning มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1) แบ่งนักเรียน
ออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2 - 4 คน ครูติดกระดาษปรู๊ฟที่บริเวณ
ผนังห้อง 2) สมาชิกของกลุ่มร่วมกันอภิปรายสิ่งที่ได้รับจากการ
เรียนรู้ อาจจะระบุเป็นหัวข้อ เช่น ความรู้ใหม่, ทักษะใหม่, สิ่งที่
ได้รับการพัฒนา, ค้นพบความสนใจใหม่เรื่อง..., มีความมั่นใจใน
เรื่อง 3) นักเรียนแต่ละคนเขียนประเด็นที่ได้เรียนรู้ลงใน
กระดาษ post - it หรือกระดาษที่ตัดเป็นชิ้นนำไปติดลงใน
กระดาษปรู๊ฟให้ตรงตามคอลัมน์ของประเด็นที่ตนเองเขียน
4) ครู และนักเรียนร่วมกันตรวจสอบผล แล้วสรุปข้อดีและข้อ
ควรปรับปรุง (พลอยไพลิน นิลกรรณ์, 2562 : 33 35)
โดยสรุปการจัดการเรียนรู้ที่เน้นบทบาทและการมีส่วนร่วมของผู้เรียน โดยการนำเอาหลักการวิธีการสอน เทคนิคการสอนที่หลากหลายมาใช้ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้และกิจกรรม กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียนและผู้เรียนกับผู้สอน เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ส่งเสริมให้ผู้เรียนประยุกต์ใช้ทักษะและเชื่อมโยงองค์ความรู้นำไปปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาหรือประกอบอาชีพในอนาคต และถือเป็นการจัดการเรียนรู้ประเภทหนึ่งที่ส่งเสริม ให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน
2.6 สื่อและแหล่งการเรียนรู้ หมายถึง การเตรียมสื่อต่าง ๆ เช่น ใบความรู้ สื่อ วัสดุ
อุปกรณ์ สื่อบุคคล กรณีศึกษา นิทาน เครื่องโสตทัศนูปกรณ์ วีดิทัศน์ แถบเสียง แผ่นโปร่งใส Power Point กระดาษ ปากกา สี บัตรคำ บัตรความรู้ ใบงาน หนังสือ ตำรา เอกสารอ้างอิง เป็นต้น ซึ่งจะได้กล่าวโดยละเอียดในเล่ม 4 สื่อแหล่งเรียนรู้คู่คุณธรรม แหล่งเรียนรู้ที่ใช้ประกอบในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ในคาบนั้น ๆ เช่น แหล่งเรียนรู้ในชุมชน วัด ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล ศาลจังหวัด สถานีตำรวจ อนามัยตำบล ฯลฯ เป็นต้น
2.7 การวัดและประเมินผล หมายถึง การออกแบบการประเมินผลและการสร้าง
เครื่องมือเพื่อใช้ในการประเมินผล ในที่นี้หมายถึงการวัดและประเมินผลการเรียนเป็นรายชั่วโมง ได้แก่ การสังเกตความสนใจและการมีส่วนร่วม การแสดงความคิดเห็นและการตรวจผลงาน การใช้แบบทดสอบ การทำแฟ้มสะสมงาน เป็นต้น การจัดกิจกรรมในขั้นนี้ ได้แก่ การนำผลงานมาติดที่ ป้ายนิเทศ การอ่านหนังสือเพิ่มเติมนอกเวลา การทำแบบทดสอบ เป็นต้น
2.8 บันทึกผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนสามารถประเมินแผนการจัดการเรียนรู้
โดยใช้บันทึกผลการจัดการเรียนรู้ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ต่อไป
สรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้ กิจกรรมและการปฏิบัติต่าง ๆ ที่ก่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีหลากหลายที่สำคัญ คือ การเลือกใช้ให้เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐาน การเรียนรู้ ตัวชี้วัดที่กำหนดในหลักสูตรแต่ละระดับชั้นก็จะกระตุ้นให้ผู้เรียนตื่นตัว สนใจ เคลื่อนไหว คิดสร้างสรรค์ สื่อสาร แก้ปัญหา ซึ่งจะมีผลต่อการเรียนรู้ต่อผู้เรียนอย่างแท้จริง