การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องความตึงผิว วิชาไฟฟ้าและสมบัติเชิงกลของสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสวนศรีวิทยา 2. เพื่อหาประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องความตึงผิว วิชาไฟฟ้าและสมบัติเชิงกลของสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสวนศรีวิทยา 3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องความตึงผิว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการเรียน โดยใช้ชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องความตึงผิว วิชาไฟฟ้าและสมบัติเชิงกลของสาร 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องความตึงผิว วิชาไฟฟ้าและสมบัติเชิงกลของสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสวนศรีวิทยา
กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียน เรื่อง
ความตึงผิว ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสวนศรีวิทยา จังหวัดชุมพร และทำการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) มีจำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 30 คน เป็นห้องเรียนที่มีนักเรียนแบบคละความรู้ความสามารถ โดยจัดให้เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับ
การจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องความตึงผิว เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องความตึงผิว วิชาไฟฟ้าและสมบัติเชิงกลของสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสวนศรีวิทยา จำนวน 1 เล่ม ซึ่งมีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบประเภทปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจำนวน 5 ข้อ ที่มีค่าความเชื่อมั่น 0.56 แบบวัดความพึงพอใจที่ได้สร้างขึ้นตามวิธีการของลิเคอร์ท (Likert) แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ ที่มีค่าความเที่ยงของแบบประเมิน เท่ากับ 0.91
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สูตรการหาประสิทธิภาพ E1/E2 สูตรการหาค่าดัชนีประสิทธิผล ค่าสถิติวิเคราะห์ คือ ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าเฉลี่ยร้อยละและการทดสอบแบบ t-test dependent
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพรายชุดของชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่อง
ความตึงผิว วิชาไฟฟ้าและสมบัติเชิงกลของสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสวนศรีวิทยา มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 83.00/82.67 มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานประสิทธิภาพ 80/80
2. ค่าประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องความตึงผิว วิชาไฟฟ้าและสมบัติเชิงกลของสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสวนศรีวิทยา มีประสิทธิผล (E.I.) เท่ากับ 0.6030
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ของชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องความตึงผิว วิชาไฟฟ้าและสมบัติเชิงกลของสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสวนศรีวิทยา สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องความตึงผิว โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.70, SD = 0.493)