ชื่อผู้วิจัย นางสาวดนุรี เงินศรี ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ โรงเรียนสตรีทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยปฏิบัติการ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 ต่อการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ เรื่อง ระบบสมการ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของ Polya ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ TAI โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 โรงเรียนสตรีทุ่งสง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 40 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 แผน รวม 10 คาบ คาบละ 50 นาที 2) แบบวัดความสามารถในการแก้โจทย์ วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 32 เรื่องระบบสมการ
เป็นแบบทดสอบแบบอัตนัย 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 32
ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง ระบบสมการ จำนวน 10 ข้อ เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก 4) แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของ Polya ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ TAI สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมุติฐาน ได้แก่ ค่าสถิติ T-test หรือ Paired Sample TTest โดยโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ (SPSS for Window)
ผลการวิจัยพบว่า
1) คะแนนร้อยละความสามารถในการแก้โจทย์ เรื่อง ระบบสมการ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของ Polya ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ TAI ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 จำนวน 40 คน มีนักเรียนที่มีคะแนนผ่านเกณฑ์ คือได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 จำนวน 36 คน และมีนักเรียนที่มีคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ คือได้คะแนนต่ำกว่าร้อยละ 80 จำนวน 4 คน
2) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม 32 เรื่อง ระบบสมการ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 ที่เรียนด้วยการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของ Polya ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ TAI มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 5.83 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.217 และมีคะแนนหลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 8.45 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.959 เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนสอบทั้งสองครั้ง พบว่าคะแนนสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (t = 19.129, Sig = 0.000)
3) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 ต่อการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของ Polya ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือ TAI นักเรียนมีความ
พึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (Mean = 4.44, S.D. = 0.600)