บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้พัฒนารูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัด การเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะ คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา 2) เพื่อสร้างและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของครูผู้รับการนิเทศที่มีต่อรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา
โดยมีขั้นตอนการวิจัย 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา โดยการการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน ขั้นตอนที่ 2 สร้างและตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา โดยการยกร่างรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ แล้วจัดทำคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศหลังจากนั้นจึงได้ตรวจสอบรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน และครู 10 คน หลังจากนั้นจึงไปรับปรุงรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ ขั้นตอนที่ 3 การศึกษาผลการใช้รูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา แหล่งข้อมูลได้แก่ครูที่สมัครเข้าร่วมดำเนินการ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก มีลักษณะเป็นแบบเลือกตอบ แบบประเมินความสามารถ การจัดการเรียนรู้เชิงรุกด้านการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและทักษะการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุก มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า วิเคราะห์ข้อมูลโดยค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และขั้นตอนที่ 4 ประเมินความ พึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา แหล่งข้อมูลได้แก่ครูผู้สอนจำนวน 30 คน โดยใช้แบบประเมินมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1.ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน พบว่า การนิเทศแบบบูรณาการเป็นกระบวนการและกิจกรรมที่มุ่งให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ส่งเสริม ปรับปรุงในการสอนของครูมี่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนโดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เกิดจากการบูรณาการการนิเทศแบบคลินิก การนิเทศแบบชี้แนะทางปัญญา และการนิเทศแบบพี่เลี้ยงโดยมีหลักการที่ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศร่วมปรึกษาหารือ วางแผนวิเคราะห์ สังเกตการสอน ลงมือปฏิบัติ และให้ข้อมูลย้อนกลับจนประสบผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย ซึ่งผู้นิเทศจะให้คำชี้แนะแก่ผู้รับการนิเทศเพื่อให้เกิดการพัฒนาได้ด้วยตนเอง และให้คำปรึกษา คำแนะนำแก่ผู้รับการนิเทศที่มีประสบการณ์น้อย หรือเริ่มทำงานให้ได้รับการพัฒนา และส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
2.ผลการสร้างและตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา พบว่า รูปแบบการนิเทศ มีกระบวนการ 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้น 1 การวางแผนกำหนดทิศทาง (D: Directional planning) ขั้น 2 การปฏิบัติการนิเทศ (S: Supervisory Management) ขั้น 3 การเรียนรู้เพื่อพัฒนา (L: Learning development) ซึ่งผลการประเมินรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา และคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากทั้งสองรายการ ส่วนผลการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการเพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา พบว่า ครูผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจ สามารถเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกและจัดการเรียนการสอนทีส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกได้
3.ผลการศึกษาการใช้รูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา พบว่า ครูมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกหลังการส่งเสริมสูงกว่าก่อนการส่งเสริมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสามารถเขียนแผนและจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกอยู่ในระดับมาก
4.ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการนิเทศแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู (Active Learning) ระดับประถมศึกษา พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก