ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การประเมินโครงการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนวัดนางสาว (ถาวรราษฎร์บำรุง) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ปีการศึกษา 2564

ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา โรงเรียนวัดนางสาว (ถาวรราษฎร์บำรุง) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ปีการศึกษา 2564

ผู้ประเมิน นางสาวนุชนาฎ เฉยบำรุง

ปีการศึกษา 2564

บทคัดย่อ

รายงานการประเมินโครงการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาโรงเรียนวัดนางสาว (ถาวรราษฎร์บำรุง) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ปีการศึกษา 2564 โดยใช้รูปแบบการประเมินแบบ IPO Model (สมหวัง พิธิยานุวัฒน์, 2551 : 202 - 209) ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) กระบวนการปฏิบัติงาน (Process Evaluation) และผลผลิตของโครงการ (Output Evaluation) ประชากรที่ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วย ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 79 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน นักเรียนชั้นอนุบาล 2 - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1,226 คน และผู้ปกครองนักเรียนชั้นอนุบาล 2 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1,226 คน รวม 2,544 คน กลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้ให้ข้อมูลด้านปัจจัยนำเข้าและด้านกระบวนการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 79 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน (ยกเว้นผู้บริหารและผู้แทนครู) รวม 92 คน กลุ่มที่ 2 ผู้ให้ข้อมูลด้านผลผลิต ผลการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1,226 คน และกลุ่มที่ 3 ผู้ให้ข้อมูลด้านผลผลิต ความพึงพอใจที่มีต่อการดำเนินโครงการ ได้จากการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากการเปิดตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan) โดยได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 331 คน แล้วนำไปสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 136 คน และผู้ปกครองนักเรียนชั้นอนุบาล 2 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 180 คน รวม 331 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลมีทั้งหมด 5 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 แบบประเมินด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการ, ฉบับที่ 2 แบบประเมินด้านกระบวนการปฏิบัติงานของโครงการ, ฉบับที่ 3 แบบบันทึกข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการของนักเรียนระดับปฐมวัย, ฉบับที่ 4 แบบบันทึกข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 และฉบับที่ 5 แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการดำเนินโครงการ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าสถิติร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (µ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () ค่าเฉลี่ย (X) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ผลการประเมินพบว่า

1. ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการ (Input Evaluation) ในภาพรวม มีความเพียงพอ/เหมาะสม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน เรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ (Management) อยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ ด้านครูและบุคลากร (Man) ด้านวัสดุอุปกรณ์และอาคารสถานที่ (Materials) และด้านงบประมาณ (Money) ตามลำดับ

2. ผลการประเมินด้านกระบวนการปฏิบัติงานระหว่างดำเนินโครงการ (Process Evaluation) ภาพรวม มีระดับการปฏิบัติ อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านกระบวนการติดตามผลการดำเนินการให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา รองลงมา คือ ด้านกระบวนการดำเนินการตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ด้านกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษาที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา ด้านกระบวนการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ด้านกระบวนการประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา และด้านกระบวนการจัดทำรายงานผลการประเมินตนเอง ตามลำดับ

3. ผลการประเมินด้านผลผลิตของโครงการ (Output Evaluation) แบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ

3.1 ผลการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วย

1) ผลการประเมินพัฒนาการของนักเรียนระดับปฐมวัย ปีการศึกษา 2564 พบว่า ภาพรวม นักเรียนระดับปฐมวัยที่มีผลการประเมินพัฒนาการในระดับดี (3 ขึ้นไป) เฉลี่ยร้อยละ 87.82 เพิ่มขึ้นจากปีการศึกษา 2563 ร้อยละ 3.16 บรรลุตามวัตถุประสงค์ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน เรียงค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจากมากไปหาน้อย ได้แก่ พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ รองลงมาคือ พัฒนาการด้านสังคม พัฒนาการด้านสติปัญญา และพัฒนาการด้านร่างกาย ตามลำดับ

2) ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2564 พบว่า ภาพรวม มีคะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 79.12 เพิ่มขึ้นจากปีการศึกษา 2563 คิดเป็นร้อยละ 10.02 บรรลุตามวัตถุประสงค์ เมื่อพิจารณาเป็นรายวิชา เรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากที่สุด รองลงมา คือ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษาฯ ภาษาต่างประเทศ และสุขศึกษา ตามลำดับ ส่วนรายวิชาที่มีคะแนนเฉลี่ยลดลง คือ การงานอาชีพ มีคะแนนเฉลี่ยลดลงร้อยละ 3.91

3.2 ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการดำเนินโครงการ พบว่า โดยภาพรวม ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก บรรลุตามวัตถุประสงค์ โดยความพึงพอใจของครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมา คือ นักเรียน และผู้ปกครอง ตามลำดับ

โพสต์โดย Nutchanat C. : [20 ก.ย. 2565 เวลา 07:37 น.]
อ่าน [3453] ไอพี : 159.192.137.141
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,856 ครั้ง
บ้าเก่าไม่ทันหาย....บ้าใหม่กำลังมา
บ้าเก่าไม่ทันหาย....บ้าใหม่กำลังมา

เปิดอ่าน 266,381 ครั้ง
การประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่ง
การประดิษฐ์ของใช้และของตกแต่ง

เปิดอ่าน 22,242 ครั้ง
ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบกราฟิก
ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบกราฟิก

เปิดอ่าน 13,511 ครั้ง
"การผลิต" กับการศึกษาประเทศสิงคโปร์
"การผลิต" กับการศึกษาประเทศสิงคโปร์

เปิดอ่าน 10,479 ครั้ง
Meritocracy กับการศึกษาสิงคโปร์  มูลค่าของความสามารถ
Meritocracy กับการศึกษาสิงคโปร์ มูลค่าของความสามารถ

เปิดอ่าน 256,006 ครั้ง
การกำหนดภาระการสอนขั้นต่ำของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน
การกำหนดภาระการสอนขั้นต่ำของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน

เปิดอ่าน 30,152 ครั้ง
การปฏิรูปการศึกษา การศึกษายุค 4.0 : โดย ประเสริฐ ตันสกุล
การปฏิรูปการศึกษา การศึกษายุค 4.0 : โดย ประเสริฐ ตันสกุล

เปิดอ่าน 14,839 ครั้ง
3G มาแล้ว พร้อมหรือยัง?
3G มาแล้ว พร้อมหรือยัง?

เปิดอ่าน 9,968 ครั้ง
ซูฮก! ครูมะกันพิการแขน ใช้เท้าต่างมือสอนนักเรียน
ซูฮก! ครูมะกันพิการแขน ใช้เท้าต่างมือสอนนักเรียน

เปิดอ่าน 16,114 ครั้ง
กล้วยป่า
กล้วยป่า

เปิดอ่าน 4,541 ครั้ง
เครื่องหมาย ฯ (ไปยาลน้อย หรือ เปยยาลน้อย)
เครื่องหมาย ฯ (ไปยาลน้อย หรือ เปยยาลน้อย)

เปิดอ่าน 12,047 ครั้ง
วัคซีน"หวัด09"เข็มเดียวอยู่
วัคซีน"หวัด09"เข็มเดียวอยู่

เปิดอ่าน 29,898 ครั้ง
แผ่นพับประชาสัมพันธ์ระบบลงทะเบียนและติดตามประเมินผลครูผู้เข้ารับการพัฒนา
แผ่นพับประชาสัมพันธ์ระบบลงทะเบียนและติดตามประเมินผลครูผู้เข้ารับการพัฒนา

เปิดอ่าน 39,082 ครั้ง
บัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง (มกราคม 2559)
บัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง (มกราคม 2559)

เปิดอ่าน 11,091 ครั้ง
บุหรี่ "ไม่สูบ" ไม่ได้เหรอ?
บุหรี่ "ไม่สูบ" ไม่ได้เหรอ?

เปิดอ่าน 18,014 ครั้ง
ฮือฮา! คลิปโพสต์ทั่วเฟซบุ๊ก "พระ" สวดมนต์จังหวะเพลงแร็พ-ร็อก งานขึ้นบ้านใหม่!
ฮือฮา! คลิปโพสต์ทั่วเฟซบุ๊ก "พระ" สวดมนต์จังหวะเพลงแร็พ-ร็อก งานขึ้นบ้านใหม่!
เปิดอ่าน 80,511 ครั้ง
ประวัติโทรทัศน์ไทย
ประวัติโทรทัศน์ไทย
เปิดอ่าน 12,575 ครั้ง
"เมตา" แนะ 5 เคล็ดลับป้องกันตัวเองจากมิจฉาชีพทางออนไลน์
"เมตา" แนะ 5 เคล็ดลับป้องกันตัวเองจากมิจฉาชีพทางออนไลน์
เปิดอ่าน 39,207 ครั้ง
การทำกรอบรูปวิทยาศาสตร์
การทำกรอบรูปวิทยาศาสตร์
เปิดอ่าน 17,015 ครั้ง
เทคนิคการถ่ายภาพขนมให้ไฉไลน่ากินมันไม่ได้ยาก
เทคนิคการถ่ายภาพขนมให้ไฉไลน่ากินมันไม่ได้ยาก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ