ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21
ผู้วิจัย นายธเนตร มีรัตน์
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา
หน่วยงาน โรงเรียนเซิมพิทยาคม อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาและ ความต้องการในการสร้างและพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 (2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 21 (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 21 (4) เพื่อประเมินและปรับปรุงรูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 21 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ได้ใช้ครูทั้งหมดในการทดลองใช้รูปแบบฯ ได้แก่ ครูจำนวน 34 คน แยกเป็น ครูผู้นิเทศจำนวน 8 คน ครูผู้รับการนิเทศจำนวน 26 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสอบถาม แบบทดสอบแบบประเมิน แบบสังเกตและประเด็นสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (X-bar) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพการดำเนินงานของการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูโรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ที่ผ่านมาพบปัญหาคล้ายคลึงกับที่ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง คือ ครูขาดความรู้ความเข้าใจ ขาดทักษะในการทำวิจัยในชั้นเรียน ไม่สามารถวิเคราะห์ปัญหาและนำปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนมาแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ และไม่สามารถนำสิ่งที่ปฏิบัติอยู่มาเขียนเป็นรายงานการวิจัยได้ และสอบถามระดับปัญหาการทำวิจัยในชั้นเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และระดับความต้องการการทำวิจัยในชั้นเรียนโดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด
2. รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ที่สร้างขึ้น ชื่อว่า SIPDRE Modelโดยมีองค์ประกอบที่ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการนิเทศภายใน และเงื่อนไขการนำรูปแบบการนิเทศภายในไปใช้ โดยมีกระบวนการในการนิเทศ 6 ขั้นตอน คือ ขั้นการสำรวจสภาพปัญหาและความต้องการนิเทศ ขั้นการให้ความรู้ก่อนการนิเทศขั้นการวางแผนการนิเทศ ขั้นการดำเนินงานขั้นการประเมินผลการนิเทศ และขั้นการสะท้อนผลการนิเทศผลการประเมินความเหมาะสมรูปแบบการนิเทศภายในโดยผู้เชี่ยวชาญโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 พบว่า (1) ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศภายในของครูผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศหลังการนิเทศสูงกว่าก่อนการนิเทศ (2) ความสามารถในการนิเทศภายในของครูผู้นิเทศโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (3) ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศ หลังการนิเทศสูงกว่าก่อนการนิเทศ (4) ทักษะการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้รับการนิเทศโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (5) จิตวิจัยของครูผู้รับการนิเทศโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (6) งานวิจัยในชั้นเรียนที่ผ่านการประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญโดยภาพรวมอยู่ในระดับดี และ (7) ความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
4. ผลการประเมินการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อสร้างเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนเซิมพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ตามความคิดเห็นของครูผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศพบว่า โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และจากการสนทนากลุ่มร่วมกันของครูผู้นิเทศ และครูผู้รับการนิเทศ หลังจากเสร็จสิ้น การทดลองใช้รูปแบบผู้ร่วมสนทนากลุ่มให้ความคิดเห็นว่า องค์ประกอบของรูปแบบการนิเทศภายในทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสม และสอดคล้องซึ่งกันและกัน เป็นกระบวนการที่มีประโยชน์มาก เป็นกระบวนการที่มีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กันของแต่ละขั้นตอน ทำให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านการพัฒนางาน และองค์ความรู้ส่วนองค์ประกอบเชิงเงื่อนไขการนำไปใช้ เป็นองค์ประกอบที่มีความจำเป็นในการพัฒนาครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน ซึ่งครูจะต้องทำด้วยความเต็มใจ เต็มกำลังเต็มความสามารถ ร่วมมือกัน มีความรับผิดชอบและมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากนี้ผู้บริหารต้องตระหนักถึงความสำคัญของการนิเทศ ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกและการสร้างขวัญกำลังใจให้กับครู