ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง พลังงานความร้อน

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์โดยใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง พลังงานความร้อน โรงเรียนหนองบัวไชยวารพิทยาสรรพ์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กลุ่มทดลองเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 26 คน โดยได้รับการจัดการเรียนการสอน ตามรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ซึ่งจัดกิจกรรมการเรียนตามแผนการเรียนรู้ที่จัดทำขึ้น หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน จำนวนทั้งหมด 9 แผน โดยนักเรียนจะได้ทำใบกิจกรรมระหว่างเรียน และทำแบบทดสอบหลังเรียน หลังจากเรียนจบหน่วยการเรียนรู้นี้ แล้วมีการวัดและประเมินผลเชิงปริมาณจากคะแนนที่นักเรียนทำได้จากแต่ละใบกิจกรรมและแบบทดสอบ

ผลการศึกษาปรากฏว่า การจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบเชิงรุก (Active learning) นักเรียนมีผลคะแนนจากการทำกิจกรรมแต่ละแผนการเรียนรู้เพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งในแผนการเรียนการสอนแรกๆ นักเรียนมีคะแนนการทำใบกิจกรรมน้อยและคะแนนเพิ่มขึ้นตามลำดับ

เห็นได้ว่า นักเรียนมีคะแนนการทำใบกิจกรรม สูงสุด 3 แผน ได้แก่ แผนที่ 8 แผนที่ 9 และแผนที่ 10 โดยมีคะแนนเฉลี่ย 8.12 คะแนน 8.31 คะแนน และ 8.65 คะแนน ตามลำดับ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ ได้ว่า แผนการจัดการเรียนการสอน สูงสุด 3 อันดับแรก มีคะแนนจากการทำใบกิจกรรม ร้อยละ 81.15 ร้อยละ83.08 และร้อยละ 86.54 ตามลำดับและนักเรียนมีคะแนนการทำแบบทดสอบ เฉลี่ย 7.23 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 72.31 จากคะแนนเต็มทั้งหมด

บทที่ 1

บทนำ

ความสำคัญและที่มา

จากการจัดอันดับการแข่งขันทางการศึกษาของเวิลด์อีโคโนมิก ฟอรัม ปีล่าสุดพบว่า คุณภาพการศึกษาของประเทศไทยนั้นตกอันดับลงเป็นอย่างมาก โดยเป็นอันดับ 8 ของกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากเวียดนามและกัมพูชา ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์สาเหตุของการศึกษาไทยที่ทำให้คุณภาพการเรียนไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมาเน้นท่องจำแต่ไม่นำไปใช้ ครูผู้สอนไม่เอาใจใส่นักเรียน เน้นการทำผลงาน ทำงานเอกสารต่างๆ ซึ่งทำให้คุณภาพของการจัดการเรียนการสอนลดคุณภาพลง อีกทั้งวัฒนธรรมการศึกษาของไทยที่มีมาแต่ดั้งเดิมคือ การเรียนแบบท่องเพื่อให้จดจำเนื้อหาแล้วนำมาใช้เพียงเพื่อให้สอบผ่าน ไม่ได้เรียนแบบลงมือทำปฏิบัติ เรียนรู้จากปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตจริง ไม่มีการวิเคราะห์และประยุกต์ให้แก้ปัญหาจริงได้ ทำให้ผู้เรียนเน้นเรียนแบบจำได้เพียงหลักการ ตัวหนังสือ แต่เมื่อเกิดปัญหาจริงนั้นไม่สามารถแก้ไขได้

การจัดการศึกษาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องนำพานักเรียนหลุดออกจากกรอบการศึกษาแบบเดิมที่เน้นเพียงท่องจำนำไปทำข้อสอบมาเป็นเรียนรู้จากสิ่งที่พบเจอจริง ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตหรือจากประสบการณ์ปัญหาที่นักเรียนสนใจอยากจะหาคำตอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกับความสนใจของนักเรียนมากกว่าทำให้นักเรียนมีแรงจูงใจอยากแก้ปัญหามากยิ่งขึ้น และการจัดการศึกษาที่ผู้วิจัยได้ศึกษา เป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง นักเรียนมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่หลากหลายรูปแบบ เช่น การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การระดมความคิด และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นต้น โดยกิจกรรมที่นำมาใช้ควรช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การสื่อสาร/นำเสนอ และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเหมาะสม บทบาทของนักเรียนนอกจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมแล้ว ยังต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและนักเรียนกับนักเรียนด้วยกัน ผู้สอนลดบทบาทในการถ่ายทอดความรู้แก่ผู้เรียนในลักษณะการบรรยาย และเพิ่มบทบาท ในการกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างการจัดการเรียนการสอน รวมถึงการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมใน การเรียนรู้ ซึ่งการจัดการเรียนรู้นี้ เรียกว่า การจัดการเรียนการสอนรูปแบบเชิงรุก (Active leaning) นั้นเอง

ดังนั้น ครูผู้สอนจึงมีความสนใจจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบเชิงรุก (Active leaning) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อได้เรียนรู้ด้วยการได้ฝึกปฏิบัติจริง ได้มีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์ในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่หลากหลายรูปแบบ และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันกับนักเรียนคนอื่นๆ ทั้งชั้นเรียน และครูผู้สอนทำหน้าที่เป็นคนที่คอยสนับสนุน เตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนของนักเรียน อำนวยเครื่องมือการเรียน และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบการเรียนอย่างเหมาะสม เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าใจการเรียนคิดแก้ปัญหาในชีวิตจริงได้อย่างรอบคอบ ถูกต้องและเหมาะสม เป็นนักเรียนที่มีคุณภาพในกาเรียนที่ดีต่อไป

จุดมุ่งหมาย

เพื่อการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง พลังงานความร้อน โดยใช้การจัดการเรียนการสอนรูปแบบเชิงรุก (Active learning) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรต้น กระบวนการจัดการเรียนรู้รูปแบบเชิงรุก (Active learning)

ตัวแปรตาม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง พลังงานความร้อน โดยใช้

การจัดการเรียนการสอนรูปแบบเชิงรุก (Active learning)

กรอบแนวคิดในการวิจัย

กระบวนการจัดการเรียนรู้

รูปแบบเชิงรุก (Active learning)

ขอบเขตของการวิจัย

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 26 คน

โรงเรียนหนองบัวไชยวารพิทยาสรรพ์

ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการปฏิบัติ สร้างความรู้ด้วยตนเอง

สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โพสต์โดย จิราภรณ์ แจ่มปรีชา : [17 ก.ย. 2565 เวลา 17:02 น.]
อ่าน [3603] ไอพี : 1.47.24.137
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 25,237 ครั้ง
เลค ฮิลเลอร์ ทะเลสาบสีชมพู ประเทศออสเตรเลีย
เลค ฮิลเลอร์ ทะเลสาบสีชมพู ประเทศออสเตรเลีย

เปิดอ่าน 19,121 ครั้ง
การกัวซาบำบัดโรค
การกัวซาบำบัดโรค

เปิดอ่าน 10,533 ครั้ง
กันไว้ดีกว่าแก้ ผู้ใช้งานธนาคารออนไลน์ต้องอ่าน !
กันไว้ดีกว่าแก้ ผู้ใช้งานธนาคารออนไลน์ต้องอ่าน !

เปิดอ่าน 18,585 ครั้ง
ผักที่ห้ามในเทศกาลกินเจ
ผักที่ห้ามในเทศกาลกินเจ

เปิดอ่าน 36,441 ครั้ง
ลายมือนักธุรกิจ
ลายมือนักธุรกิจ

เปิดอ่าน 11,667 ครั้ง
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม

เปิดอ่าน 22,295 ครั้ง
ยุบ สพฐ. จัดตั้งของใหม่ คิดกันดีแล้วเหรอ?? ไม่เหนื่อยต่อการพายเรือในอ่างหรือ?!
ยุบ สพฐ. จัดตั้งของใหม่ คิดกันดีแล้วเหรอ?? ไม่เหนื่อยต่อการพายเรือในอ่างหรือ?!

เปิดอ่าน 39,516 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 7 ผู้รักษาเวลาและผู้ตัดสินที่ 3
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 7 ผู้รักษาเวลาและผู้ตัดสินที่ 3

เปิดอ่าน 8,208 ครั้ง
"ครูพันธุ์วิจัย" สร้างเด็กไทยคิดได้ทำเป็น
"ครูพันธุ์วิจัย" สร้างเด็กไทยคิดได้ทำเป็น

เปิดอ่าน 25,182 ครั้ง
“อ่านคล่อง เขียนคล่อง คิดเลขเป็น”
“อ่านคล่อง เขียนคล่อง คิดเลขเป็น”

เปิดอ่าน 15,132 ครั้ง
"พรมมิ" วัชพืชบำรุงสมอง
"พรมมิ" วัชพืชบำรุงสมอง

เปิดอ่าน 12,776 ครั้ง
22 จานเด็ด ลดเสี่ยงมะเร็ง
22 จานเด็ด ลดเสี่ยงมะเร็ง

เปิดอ่าน 8,305 ครั้ง
ชู
ชู'กรุงเก่า'นำร่อง ย่อโลกก.ท่องเที่ยวไทย

เปิดอ่าน 23,054 ครั้ง
จำปาดะ
จำปาดะ

เปิดอ่าน 11,033 ครั้ง
วิธีลดลอยแผลขรุขระบนใบหน้า
วิธีลดลอยแผลขรุขระบนใบหน้า

เปิดอ่าน 14,590 ครั้ง
ประวัติ วะโฮรัมย์ เหรียญทองวีลแชร์พาราลิมปิก2008
ประวัติ วะโฮรัมย์ เหรียญทองวีลแชร์พาราลิมปิก2008
เปิดอ่าน 4,715 ครั้ง
ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ
ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ
เปิดอ่าน 22,136 ครั้ง
รู้จักวิตามิน H
รู้จักวิตามิน H
เปิดอ่าน 11,171 ครั้ง
ยิงแอดบน Facebook เองกับจ้างเอเจนซี่ อันไหนเวิร์คกว่ากัน
ยิงแอดบน Facebook เองกับจ้างเอเจนซี่ อันไหนเวิร์คกว่ากัน
เปิดอ่าน 10,251 ครั้ง
หญิงไทยยังเมินเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำไอคิวเด็กไทยต่ำ
หญิงไทยยังเมินเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำไอคิวเด็กไทยต่ำ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ